เปิดเหตุผล ‘กฤษฎีกา’ ตีตกคุณสมบัติ ‘กิตติรัตน์’ นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
เปิดเหตุผล ‘กฤษฎีกา’ ตีตกคุณสมบัติ ‘กิตติรัตน์’ นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ชี้ มีพฤติกรรม ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
จากกรณีที่มีการการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ แทนที่นายปรเมธี วิมลศิริ ที่หมดวาระ ต่อมาคณะกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งประธาน และกรรมการ ธปท.ได้มีมติเสนอชื่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังให้ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด ธปท. โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
แต่ไม่นานหลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ส่งราย ชื่อให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบคุณสมบัติ ตีความคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ ปรากฎว่าผิดตาม พ.ร.บ.ธปท.ที่มีข้อกำหนดถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะมานั่งประธานบอร์ด ว่า ต้องไม่เป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือต้องพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
โดยมี 2 ประเด็น ที่ต้องตีความทางกฎหมาย ได้แก่
1.การดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี (เศรษฐา ทวีสิน)
2.การดำรงตำแหน่งคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย เข้าข่ายการดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่
การวินิจฉัยคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ในครั้งนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการประชุมร่วม 3 คณะ เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว โดยการประชุมมีขึ้นครั้งแรกในวันที่ 24 ธ.ค.จากนั้นในวันที่ 25 ธ.ค.คณะกรรมการบางส่วนได้มีการนัดหมายประชุมเพื่อสรุปผลการประชุมและนำเสนอผลการประชุมให้กับ นายพิชัย ซึ่งจะเป็นผู้เสนอต่อที่ประชุม ครม.ต่อไป
สำหรับคณะกรรมการ 3 คณะในคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งประกอบด้วย
คณะที่ 1 (กฎหมายเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง)
คณะที่ 2 (กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน)
คณะที่ 13 (กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการภาครัฐ)
ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการกฤษฎีการ่วม 3 คณะ เพื่อพิจารณาคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ ว่าตนยังไม่ได้รับรายงาน
“ยังไม่ได้รับรายงานวันนี้ยังทำงานอยู่ ซึ่งยังไม่เห็น เดี๋ยวคงได้ ขอรอดูก่อน” นายพิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตามในภายหลัง กฤษฎีกา 3 คณะมีมติเป็นเอกฉันท์ชี้ขาดว่า นายกิตติรัตน์ ไม่ผ่านคุณสมบัตินั่งเป็นประธานบอร์ด ธปท. โดยคลังและคณะกรรมการอยู่ระหว่างเตรียมคัดเลือกประธานธนาคารแห่งประเทศไทย(บอร์ดธปท.) รายใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า การตรวจสอบคุณสมบัติของ นายกิตติรัตน์ ในครั้งนี้มาจากก่อนที่จะมีเสนอชื่อของนายกิตติรัตน์เข้าสู่ความเห็นชอบของ ครม.นั้นทีมกฎหมายของ นายกรัฐมนตรี ได้มีการสอบถามกลับไปยังกระทรวงการคลังว่า มีประเด็นทางข้อกฎหมายในเรื่องใดที่ยังมีข้อที่อาจจะมีปัญหาหรือไม่
เพราะภายหลังจากมีปัญหาเรื่องกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งจากการลงนามแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้มีข้อกังวลว่าหากนายกรัฐมนตรี หรือครม.ลงนามให้ความเห็นชอบบุคคลที่ขาดคุณสมบัติอีกก็จะมีปัญหาในเรื่องคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี ได้เช่นกัน
กระทรวงการคลังจึงมอบหมายให้ สศค.ส่งเรื่องไปสอบถามคณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้งในประเด็นที่อาจมีปัญหาทางข้อกฎหมายโดยส่งเรื่องไปตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้มีรายงานจากคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าที่ประชุมมีมติว่านายกิตติรัตน์ ขาดคุณสมบัติไม่สามารถนั่งประธานบอร์ด ธปท.ได้ โดยคณะกรรมการกฤษฎีกาชี้ว่า
“พฤติกรรมของนายกิตติรัตน์เข้าข่ายดำรงตำแหน่งทางการเมืองเนื่องจากเป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและยังมีหน้าที่เป็นประธานการแก้ปัญหาหนี้สินด้วย”
ตำแหน่งนี้เข้าไปมีบทบาทเข้าไปสั่งการหน่วยงานต่างๆ ทั้งที่เป็นข้าราชการและไม่ใช่หน่วยงานราชการในเรื่องนี้ ซึ่งขัดต่อ พ.ร.บ.ธปท.ในเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานธปท.ขั้นตอนการสรรหาจึงต้องกลับไปเริ่มใหม่โดยที่ธปท.เสนอชื่อได้ 2 คน และกระทรวงการคลังเสนอชื่อได้ 1 คน