posttoday

“ณรงเดช” ติง รัฐบาลใช้ยาแรงแต่ไม่วางแผน แนะ แก้ PM2.5 ต้องชัดเจน

18 มกราคม 2568

“ณรงเดช” ติงรัฐบาล ปิดโรงงานหีบอ้อยไร้มาตรการรองรับ แนะ แก้ PM2.5 ต้องชัดเจน-ทบทวนสร้างแรงจูงใจลดการเผา  .

 ณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีการสั่งปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี หลังตรวจสอบพบโรงงานเปิดรับอ้อยไฟไหม้ปริมาณมากเกินกำหนด ทำให้รถบรรทุกอ้อยตกค้างกว่า 2,000 คันว่า รัฐบาลพยายามโชว์ว่ารัฐบาลใช้ยาแรง เพื่อแสดงให้เห็นว่าเอาจริงกับการแก้ไขปัญหาการเผาในภาคการเกษตร ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นตอของฝุ่น PM 2.5 แต่ปัญหาคือรัฐบาลไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า จึงออกมาตรการรับอ้อยไฟไหม้ไม่เกิน 25% ของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายครั้งนี้ โดยไม่มีมาตรการอื่นๆ รองรับ 

 

สังเกตได้จากการสั่งปิดโรงงานที่ต้องใช้มาตรการจากกฎหมายอื่นของกรมโรงงานอุตสาหกรรมมาดำเนินการ เช่น เรื่องใบอนุญาต หรือเรื่องค่ามลพิษที่ปล่องควัน แทนที่จะเป็นการออกประกาศจากสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายเอง เมื่อสั่งปิดแล้วจึงไม่มีมาตรการรองรับอ้อยที่ตกค้างที่โรงงานว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ทั้งอ้อยสดและอ้อยไฟไหม้ 

จากข้อมูล น่าสนใจว่าโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานียังเป็น 1 ใน 10 โรงงานน้ำตาลนำร่องตามนโยบายการเฝ้าระวังและป้องปรามการลักลอบเผาอ้อยเพื่อลดฝุ่น PM2.5 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย แต่โรงงานน้ำตาลแห่งนี้กลับมีสัดส่วนอ้อยไฟไหม้ที่สูงมาก

 

นอกจากนี้ความไม่ชัดเจนของนโยบายรัฐบาลเป็นอีกปัญหาใหญ่ เช่น มาตรการสนับสนุนการตัดอ้อยสด 120 บาทต่อตันที่เป็นมติของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่องไปถึงฝ่ายเลขา ครม. ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2567 แต่จนถึงตอนนี้ ครม. ยังไม่อนุมัติ  

 

ณรงเดชกล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ต้นตอ โดยรัฐบาลต้องคำนึงถึงเงื่อนไขและผลกระทบที่จะเกิดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตพรรคก้าวไกลมาถึงพรรคประชาชน เราเสนอให้รัฐบาลทบทวนการสร้างแรงจูงใจแก่ชาวไร่อ้อยเพื่อสนับสนุนการลดการเผาอ้อย เช่นเพิ่มเงินสนับสนุนอ้อยสด หักเงินอ้อยไฟไหม้มากกว่า 30 บาทต่อตัน และจะต้องมีบทกำหนดโทษโรงงานที่ไม่สามารถลดอ้อยไฟไหม้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น มีการถูกปรับลดโควตาน้ำตาล เป็นต้น

 

ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีมาตรการสนับสนุนการปรับตัวของเกษตรกร เจ้าของรถตัดอ้อย และโรงงานน้ำตาล เพื่อให้สามารถลดการเผาอ้อยได้อย่างมีประสิทธิผล โดยไม่กระทบกับรายได้ของพี่น้องเกษตรกร แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่มีการประกาศมาตรการให้ชัดเจนล่วงหน้าจนเกิดปัญหาเช่นนี้

 

แม้ล่าสุดเย็นวันนี้ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานีจะอนุญาตให้โรงงานน้ำตาลแห่งนี้กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง แต่สิ่งที่ชาวไร่อ้อยต้องการมากที่สุด คือความชัดเจนเรื่องมาตรการลดการเผาอ้อยและการสนับสนุนอ้อยสด ที่รัฐบาลควรจะประกาศให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด รวมถึงเร่งจ่ายเงินสนับสนุนการตัดอ้อยสดที่รัฐบาลยังค้างจ่ายจากปีการผลิตก่อนๆ ให้แก่ชาวไร่อ้อยด้วย