posttoday

"วรเจตน์"ชำแหละศาลรธน.อำนาจล้น-ตีความกว้าง ทำการเมืองไม่นิ่ง

10 เมษายน 2568

อ.วรเจตน์ วิเคราะห์พัฒนาการศาลรัฐธรรมนูญในแต่ละยุค เผย รธน. 60 เพิ่มอำนาจ ทำการเมืองไม่นิ่ง ชี้ตีความ "ศีลธรรม" "ซื่อสัตย์สุจริต" คลุมเครือ เปิดช่องดุลพินิจสูง

ศาสตราจารย์ ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ร่วมให้มุมมองในงานสัมมนาวิชาการ เนื่องในโอกาสครบรอบ 27 ปี ศาลรัฐธรรมนูญ โดยเน้นถึงพัฒนาการของศาลรัฐธรรมนูญ บทบาท และประเด็นที่น่าสนใจทางกฎหมาย

ดร.วรเจตน์ กล่าวว่าการประเมินผลงานของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากศาลฯ มีพัฒนาการเป็นช่วง ๆ ไม่ได้ดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นเนื้อเดียวกัน โดยแบ่งพัฒนาการของศาลฯ ออกเป็น 3 ช่วงหลัก ๆ คือ

ช่วงแรก (รัฐธรรมนูญ 2540): เป็นช่วงก่อตั้ง มีปัญหาเรื่องกฎหมายวิธีพิจารณา และความเข้าใจสถานะของศาลฯ ที่ยังไม่ชัดเจน
ช่วงกลาง (รัฐธรรมนูญ 2550): ศาลฯ มีบทบาททางการเมืองมากขึ้น จากบริบทของ "ตุลาการภิวัฒน์" และมีคำวินิจฉัยที่ส่งผลกระทบต่อการเมือง
ช่วงปัจจุบัน (รัฐธรรมนูญ 2560): รัฐธรรมนูญ 2560 ได้รับรองสิ่งที่ศาลฯ เคยตีความไว้ ทำให้บทบาทและอำนาจของศาลฯ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการตีความคุณสมบัติของบุคคล ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่แน่นอนทางการเมือง

ดร.วรเจตน์ ได้ยกตัวอย่างคดีสำคัญและประเด็นที่น่าสนใจทางกฎหมาย เช่น

  • คดีเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ: การตีความเรื่อง "การล้มล้างการปกครอง"
  • คดีทำแท้ง: ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทของศาลฯ ในการแก้ไขปัญหาทางสังคมที่แก้ไขได้ยากผ่านกลไกทางการเมือง
  • คดีพระราชกำหนดอุ้มหาย: ซึ่งมีประเด็นเรื่องความสอดคล้องของคำบังคับกับตัวบทรัฐธรรมนูญ
  • คดีอดีตนายกฯ เกี่ยวกับความหมายของ "ลูกจ้าง": ซึ่งมีประเด็นเรื่องความเป็นทั่วไป (generality) ของการตีความ

 
 

นอกจากนี้ ดร.วรเจตน์ ยังได้เสนอแนะถึงแนวทางการปรับปรุงและพัฒนาศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต เช่น

  • การปรับปรุงกฎหมายวิธีพิจารณา: ให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับสถานะของศาลฯ
  • การทบทวนระบบการทำความเห็นส่วนตน: เพื่อส่งเสริมการสร้างความเชี่ยวชาญและความรับผิดชอบในการพิจารณาคดี
  • การปรับปรุงหลักเกณฑ์ทางกฎหมาย: ในบางเรื่องที่ยังมีความคลุมเครือ