แฉ! ขบวนการฮั้วเลือกสว. 500 ล้าน แผนสมคบคิดเขย่าบ้านเมือง
คดีฮั้วเลือกสว. กำลังเผยให้เห็นภาพขบวนการทุจริตที่แผ่ขยายอย่างเป็นระบบ มีเครือข่ายโยงใยตั้งแต่ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจนถึงมือปฏิบัติการในพื้นที่
รายงานสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้ชัด ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการล็อบบี้ในเงามืด
หากแต่ถูกวางแผนอย่างแนบเนียน เริ่มตั้งแต่การเลือกจังหวัดขนาดเล็กที่ฐานเสียงเบาบาง
เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมเกมเลือกตั้ง มีการระดมผู้สมัครจากครบทั้ง 20 กลุ่มอาชีพทุกอำเภอ
พร้อมจัดทำ "โพยฮั้ว" ที่ล็อกเป้ารายชื่อผู้สมัคร 140 คนไว้ล่วงหน้า
และผลก็เป็นไปตามนั้น: ส.ว. 138 คนพาเหรดเข้าสภา พร้อมสำรองอีก 2 คนตามสั่ง
500 ล้านปูเส้นทางอำนาจ ผ่านเงินสดแบบไร้ร่องรอย
หัวใจของปฏิบัติการนี้อยู่ที่ "งบ 500 ล้าน" ที่ถูกใช้หว่านทั้งเงินสด ค่าตอบแทน และเงินประกันผลงาน
ผู้สมัครระดับอำเภอได้รับเงินเฉลี่ย 15,000 บาทตั้งแต่ค่าสมัครยันค่าดำเนินการ กลุ่ม "พลีชีพ"
ฅซึ่งมีหน้าที่ตีตั๋วเข้าสู่รอบสูงกว่า ได้เพิ่มอีก 50,000-100,000 บาท มีการจ่ายเงินล่วงหน้า 20,000 บาทแบบเงินสด
เพื่อรักษาความลับ และป้องกันการตรวจสอบเส้นทางการเงิน
เปิดโปงเครือข่าย: นักการเมือง-ข้าราชการระดับสูง
ข้อมูลจากหลายจังหวัดพุ่งเป้าไปยัง "รัฐมนตรี 3 คน" และ "ผู้นำ 1 ราย" ที่ถูกระบุว่าอาจมีเอี่ยวในขบวนการฮั้ว
โดยมีเจ้าหน้าที่ กกต. บางส่วนให้คำแนะนำเชิงเทคนิคแก่ผู้สมัครบางกลุ่ม เพื่อทำให้แผนฮั้วแนบเนียนมากยิ่งขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น "นาย น." ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ก็ถูกระบุว่ามีบทบาทสำคัญในฐานะ "มันสมอง" และ "คลังเงิน"
ของขบวนการนี้ ด้วยการจ่ายเงินสดให้กลุ่มเป้าหมาย
และอำนวยความสะดวกเส้นทางเงินที่เชื่อมโยงนักการเมืองและอดีต ส.ส. จากพรรคการเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง
ตัวละครหน้าใหม่โผล่กลางกระดาน
ในระดับพื้นที่ มีการพูดถึง "นาย สท." ผู้ช่วย ส.ส. คนหนึ่ง ที่รับหน้าที่ประสานติดต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
พร้อมโอนเงินค่าตอบแทน เพื่อให้ลงคะแนนตามโพยที่ถูกล็อกไว้
นอกจากนี้ ยังมีชื่อของ "โค้ชโต้ง" พิสิทธิ์ อภิวัฒนาพงษ์ สว. ที่ขณะนี้กำลังถูก DSI ตรวจสอบ
และ "มนตรี เฉียบแหลม" ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ที่ถูก กกต. เรียกสอบในฐานะพยาน
ปฏิบัติการฮั้วครั้งนี้ คือปฐมบทของการเขย่าความเชื่อมั่นสังคม
ขบวนการฮั้วเลือก สว. ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการทุจริตระดับเล็ก
หากแต่เป็นขบวนการที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้โครงสร้างอำนาจ วางแผนรัดกุม
ครอบคลุมทั้งภาครัฐ นักการเมือง และกลุ่มทุนใหญ่
โดยขณะนี้ หน่วยงานสอบสวนกำลังเร่งขยายผลรวบรวมพยานหลักฐาน
เพื่อจัดการกับเครือข่ายที่บ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างเป็นระบบ
อย่ากระพริบตา เพราะมรสุมครั้งนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ที่มาประกอบเนื้อหา Nation Insight