เมื่อเครื่องมืออ่านใจ ถูกนำมาใช้เซ็นเซอร์ภาพโป๊
การเซ็นเซอร์ คือสิ่งที่เราได้ยินมาเป็นเวลานาน บางเรื่องอาจเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องมีการเซ็นเซอร์เนื้อหาเพื่อความเหมาะสม หลายครั้งก็สร้างความไม่พอใจแก่สังคม แต่จะเป็นอย่างไรเมื่อการเซ็นเซอร์จะถูกยกระดับด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการอ่านคลื่นสมอง
การเซ็นเซอร์ถือเป็นกระบวนการทั่วไปที่พบได้ทั่วโลก โดยมากเพื่อคัดกรองเนื้อหาสื่อประเภทต่างๆ คอยป้องกันไม่ให้ผู้ชมที่ขาดวุฒิภาวะเข้าถึงสื่อที่อาจมีเนื้อหารุนแรงโดยเฉพาะในวัยยังไม่รู้จักแยกแยะ โดยเฉพาะเนื้อหาทางเพศหรือลามกอนาจารที่มักถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ
ดินแดนมากมายบนโลกหากจะพูดถึงประเทศที่มีการเซ็นเซอร์มากที่สุด เชื่อว่าหลายท่านคงต้องยกจีนเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยการคัดกรองเนื้อหาเข้มข้นจากรัฐบาลที่บางครั้งทั้งคนภายนอก ผู้สร้างผลงาน หรือแม้แต่คนในประเทศยังสับสนว่า สื่อแต่ละชนิดที่ถูกเซ็นเซอร์หรือแบนมาจากสาเหตุใด?
และจากนี้การเซ็นเซอร์ในจีนอาจเข้มงวดขึ้นไปอีกเมื่อมีการนำเครื่องมืออ่านใจมาใช้ในการช่วยเซ็นเซอร์อีกแรง
การเซ็นเซอร์คืออะไร ที่ผ่านมามีการใช้งานแบบไหนบ้าง?
สำหรับท่านที่อยู่ในแวดวงสื่อย่อมเข้าใจดีว่าการเซ็นเซอร์หรือระงับการเข้าถึงเนื้อหาต่างๆ มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การส่งรายงานให้เกิดการตรวจสอบเนื้อหาจากชุมชน การตรวจสอบเนื้อหาในช่วงเวลาการเผยแพร่ หรือการคัดกรองเข้มงวดผ่านหน่วยงานราชการในประเทศ ขึ้นกับความเข้มงวดของประเทศและช่องทางเผยแพร่ว่ามากน้อยแค่ไหน
เดิมทีการเซ็นเซอร์เนื้อหาทั้งหลายจากสื่อมักกระทำโดยมนุษย์ เพราะการทำความเข้าใจเนื้อหาในสื่อต้องอาศัยผู้เสพสื่อ จึงเกิดหน่วยงานสำหรับการเซ็นเซอร์ขึ้นมาโดยเฉพาะ ในประเทศไทยก็มี คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ จาก กระทรวงวัฒนธรรม ที่คอยคัดกรองเนื้อหาสื่อภาพยนตร์ก่อนผู้บริโภคจะได้รับชม เช่น กรณีภาพยนตร์เรื่อง อาบัติ ที่ถูกระงับการฉายไปชั่วคราว หรือ ไทบ้าน เดอะซีรีย์ 2.2 ที่ถูกเลื่อนฉายจากความไม่เหมาะสมของเนื้อหาภายในเรื่อง
อีกหนึ่งหน่วยงานราชการที่มีประสบการณ์โชกโชนในการปิดกั้นเนื้อหาคือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(DES) ในการปราบปรามเนื้อหาผิดกฎหมายทั้งหลาย ตั้งแต่การส่งเสริมการพนัน, ลบเนื้อหาที่มีการพูดถึงสถาบัน หรือครั้งโด่งดังที่สุดคือการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ Pornhub ซึ่งทำให้ผู้คนจดจำกระทวงนี้ได้แม่นยำ
ส่วนการใช้งาน AI หรือระบบตรวจจับเพื่อเซ็นเซอร์เนื้อหานั้น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตามแพลตฟอร์มชื่อทั้งหลายที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก จึงมีการใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อคัดกรองเนื้อหาที่เผยแพร่ โดยจะมีทั้งการตรวจสอบคำและภาพต้องห้ามหลากหลายรูปแบบ เพื่อควบคุมมาตรฐานของแพลตฟอร์มและป้องกันไม่ให้มีเนื้อหาผิดกฎหมายในชุมชมของตัวเอง
แต่แน่นอนว่าการเซ็นเซอร์ที่เกิดขึ้นย่อมทำให้เกิดข้อโต้แย้งตามมามากมายเช่นกัน
ประเด็นต่อการเซ็นเซอร์เมื่อเนื้อหาที่ถูกระงับนำไปสู่การตั้งคำถาม
แน่นอนว่าวิธีการเซ็นเซอร์มีข้อดีคือ เราสามารถควบคุมเนื้อหาที่ต้องการเผยแพร่ออกสู่สังคม ช่วยจัดระเบียบและกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออกบางส่วน ช่วยให้การเข้าถึงเนื้อหาไม่เหมาะสมซึ่งอาจมีความรุนแรงหรืออ่อนไหวต่อสังคมลดลงไปมาก
แต่การเซ็นเซอร์เนื้อหาด้วยวิธีการเหล่านี้เองก็ยังมีข้อจำกัดในหลายด้านเช่นกัน
การเซ็นเซอร์ด้วยคนมีความยืดหยุ่นและอิสระสูง ด้วยการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในการตัดสินแต่ละครั้ง แต่ก็มีข้อจำกัดคือดุลพินิจเจ้าหน้าที่เป็นคำกว้างที่มีความคลุมเครือสูง อีกทั้งด้วยจำนวนเนื้อหาข้อมูลในโลกออนไลน์มีปริมาณมหาศาล ต่อให้เกณฑ์คนมามากมายอย่างไรก็ไม่สามารถคัดกรองเนื้อหาจำนวนมหาศาลได้เพียงพอ
ส่วนการใช้ระบบตรวจจับหรือ AI ในการช่วยเหลือเองก็มีข้อจำกัด แม้จะสามารถตรวจสอบข้อมูลปริมาณมากได้แต่ยังมีช่องโหว่ ข้อมูลบางส่วนหากถูกซ่อนแนบเนียนอาจหลุดการตรวจจับไปได้ รวมถึงบางครั้งระบบอาจเกิดบั๊คขึ้นมาจนไม่สามารถทำได้ตามปกติจนปล่อยเนื้อหาต้องห้ามหลุดไปได้เช่นกัน
สำหรับประเทศอื่นหรือแพลตฟอร์มทั้งหลายเรื่องนี้อาจเป็นปัญหาใหญ่แต่ไม่ถึงขั้นคอขาดบาดตาย อาจอาศัยความร่วมมือจากคนในชุมชนนั้นๆ ส่งข้อมูลมาว่าเนื้อหาตรงไหนมีปัญหาด้านความละเอียดอ่อน ก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาและปรับปรุงสังคมให้ดีขึ้นได้ เป็นวิธีการที่แพร่หลายตามโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน
แต่สำหรับประเทศที่มีความละเอียดอ่อนเป็นพิเศษอาจรู้สึกว่านั่นเป็นเรื่องช้าเกินไป นำไปสู่เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเซ็นเซอร์มากยิ่งขึ้น
สู่อีกขั้นแห่งการเซ็นเซอร์ เครื่องมืออ่านใจที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรอง
ผลงานชิ้นนี้เกิดจากนักวิจัยแห่ง Beijing Jiaotong University ในประเทศจีน กับการสร้างเครื่องมือช่วยเพิ่มความเข้มงวดในการเซ็นเซอร์เนื้อหาอนาจาร เพื่อให้การตรวจตราเป็นไปอย่างรอบด้านและทั่วถึง ที่ในปัจจุบันจำเป็นต้องใช้บุคลากรและปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยคัดกรองเป็นจำนวนมาก
ในประเทศจีนมีอาชีพเฉพาะทางอย่าง ผู้ประเมินภาพอนาจาร มีหน้าที่คอยตรวจสอบเนื้อหารูปถ่ายและคลิปวีดีโอในอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศจีน เพื่อทำการปิดกั้นการเข้าถึงและเซ็นเซอร์เนื้อหาไม่ให้ออกเผยแพร่เป็นวงกว้าง แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ทั้งตัวของผู้ประเมินเองหรือแม้แต่ปัญญาประดิษฐ์ที่ออกแบบโดยเฉพาะ ก็ไม่สามารถคัดกรองเนื้อหาทั้งหมดได้
นำไปสู่การสร้างอุปกรณ์ชนิดพิเศษเพื่อตรวจจับภาพอนาจารผ่านคลื่นสมองด้วยเทคโนโลยี ด้วยในการคัดกรองภาพเนื้อหาทั้งหลายดวงตาและสมองของมนุษย์มีประสิทธิภาพสูงกว่าอัลกอริทึ่มของ AI ทุกรูปแบบ เพราะแม้แต่ภาพเปลือยที่ปรากฏออกมาเพียงครึ่งวินาทีท่ามกลางการฉายภาพจำนวนมาก สมองของคนเรายังตอบสนองภาพเหลานั้นทัน
จึงก่อให้เกิดหมวกไร้สายที่ตรวจสอบคลื่นสมองของคนเรา แล้วนำปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นดังกล่าวไปประมวลผล
โดยหมวกใบนี้จะนำไปให้นักเซ็นเซอร์มืออาชีพใช้งานโดยจะทำการฉายภาพจำนวนมาก เมื่อสมองของผู้สวมใส่มีปฏิกิริยาก็จะตัดเนื้อหาดังกล่าวออกโดยอัตโนมัติ โดยทีมนักวิจัยอ้างว่าเครื่องมือนี้จะช่วยย่นระยะเวลาตรวจจับภาพได้ แม้จะเป็นภาพเปลือยที่ปรากฏเพียงครึ่งวินาทีภายใต้การจัดแสงภาพจำนวนมากก็ตอบสนองทัน และมีความแม่นยำสูงถึง 80%
โดยบรรดานักวิจัยอ้างว่านี่จะเป็นเครื่องมือทีช่วยให้การเซ็นเซอร์เข้มงวดครอบคลุมเนื้อหาในประเทศมากยิ่งขึ้น
ข้อกังขาและปัญหาเกี่ยวกับการเซ็นเซอร์ในปัจจุบัน
หลายท่านล้วนมีประสบการณ์ไม่ดีนักในการเซ็นเซอร์เนื้อหา ด้วยเราทรายดีว่าบางครั้งการคัดกรองหรือระงับเนื้อหาทั้งหลายเต็มไปด้วยข้อสงสัยพาไปสู่การตั้งคำถาม หลายประเทศหรือหลายบริษัทเองก็ยังมีความคลุมเครือในส่วนนี้ แม้กระทั่งการเซ็นเซอร์เนื้อหาและสื่อในประเทศไทย
อย่างการเซ็นเซอร์ของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์เอง ในเรื่องอาบัติหลายคนก็ตั้งคำถามว่า การสะท้อนอีกด้านของวงการศาสนานับว่าน่าสนใจ เมื่อข่าวพระอาบัติทำผิดศีลสามารถพบได้ทั่วไปเหตุใดจึงเลือกมาจำกัดควบคุมกันในสื่อไม่ใช่ชีวิตจริง? และยิ่งพากันตั้งคำถามกับกรณีไทบ้าน เดอะซีรีย์ 2.2 ว่าการที่พระร้องไห้ฟูมฟายเพราะเสียใจจนเคาะโลงศพ มันมีปัญหาหรือไม่เหมาะสมต่อการเผยแพร่ตรงไหน?
เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มชื่อดังทั้งหลายที่ใช้ระบบอัตโนมัติในการคัดกรองล้วนประสบปัญหา เช่น บน Youtube การมีคำศัพท์ต้องห้ามแม้แค่นิดเดียวก็ทำให้คลิปหรือทั้งช่องโดนแบนได้ทั้งที่บางครั้งเกิดจากความไม่ตั้งใจ หรือ Facebook ที่มีพ่อค้าโพสขายข้าวแกงกะหรี่ที่เป็นอาหาร แต่ทางเว็บไซต์กลับแบนเขา 30 วัน ด้วยข้อหาชักชวนค้าบริการทางเพศ เป็นต้น
และยิ่งเป็นประเทศจีนที่มีความอ่อนไหวต่อประเด็นมากมายเป็นพิเศษ ทั้งการระงับเนื้อหาเกี่ยวกับหมีพูห์, เนื้อหาเกี่ยวข้องกับเทียนอันเหมิน หรือเนื้อหาเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ และอีกมากมายที่ถูกเซ็นเซอร์หรือห้ามพูดถึงภายในประเทศ ชวนให้ตั้งคำถามว่าในอนาคต เทคโนโลยีนี้จะถูกนำไปใช้งานในการเซ็นเซอร์เนื้อหาเหล่านั้นหรือไม่?
อย่างไรก็ตามการใช้งานเทคโนโลยีเพื่อตรวจจับบุคคลสำหรับจีนไม่ใช่ของใหม่ โรงงานในประเทศบางแห่งมีอุปกรณ์ตรวจสอบความสนใจและท่าทีของพนักงาน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและลดอุบัติเหตุ หรือพนักงานออฟฟิศที่ถูกเจ้านายสอดแนมข้อมูลจากเบาะรองนั่งอัจฉริยะ เหล่านี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลที่พบได้ทั่วไปในจีน
เราจึงไม่อาจทราบได้เลยว่าหากเทคโนโลยีได้รับการพัฒนาต่อยอดจะนำไปสู่การใช้งานในทิศทางไหน
แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลองต้องได้รับการพัฒนาอีกมาก แต่ชวนให้ตั้งคำถามว่ามันจะถูกนำมาใช้ปิดกั้นแค่เนื้อหาลามกอนาจารจริงหรือ? มันจะถูกใช้ในการลิดรอนสิทธิของผู้คนหรือไม่? และจะกลายเป็นการขยายขอบเขตการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในสังคมเพิ่มขึ้นอีกแค่ไหน?
เราคงได้แต่คาดหวังว่าประเทศไทยคงไม่มีการรับแนวคิดหรือเทคโนโลยีนี้มาใช้งานเพียงอย่างเดียว
ที่มา
https://mgronline.com/live/detail/9580000114505
https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_1853528
https://www.bangkokbiznews.com/blogs/columnist/110798