posttoday

บันทึกรักราชาร็อคแอนด์โรล ‘เอลวิส เพรสลีย์’ กับเรื่องจริงใต้พรม

13 กรกฎาคม 2565

ตำนานรักระหว่างเอลวิส เพรสลีย์ และ พริสซิลลาถือเป็นหนึ่งเรื่องราวความรักที่ยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์วงการดนตรี ซึ่งภาพจำราชาร็อคแอนด์โรลที่เราคิดว่าประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู อาจไม่ได้สวยหรูไปในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องความรัก

          ถือว่ายังเป็นกระแสสุดร้อนฉ่ากับภาพยนตร์ ‘เอลวิส (Elvis)’ ที่เพิ่งเข้าโรงไปได้ไม่นาน ซึ่งแม้ในหนังจะบอกเล่าเส้นทางชีวประวัติความยากลำบากกว่าจะประสบความสำเร็จในฐานะราชาร็อคแอนด์โรล แต่อีกด้านหนึ่งในมุมชีวิตรักของเขา คาดว่าคงมีหลายคนที่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้กันสักเท่าไหร่นัก และคงเป็นอีกด้านที่ทำให้เห็นว่าชีวิตของซุปเปอร์สตาร์ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปเสียทุกด้าน

          แม้พวกเขาจะตัดสินใจแยกทางกันหลังแต่งงานได้เพียง 5-6 ปี แต่ทั้งคู่ยังคงความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ เราลองมาดูกันว่าดีเทลปลีกย่อยของตำนานความรักกระฉ่อนโลกจะเป็นอย่างไรบ้าง

บันทึกรักราชาร็อคแอนด์โรล ‘เอลวิส เพรสลีย์’ กับเรื่องจริงใต้พรม

เอลวิสพบพริสซิลลาครั้งแรก ตอนเธออายุแค่ 14 ปีเท่านั้น

          ‘เอลวิส’ พบรักกับ ‘พริสซิลลา’ ภรรยาของเขาในขณะที่เธออายุเพียง 14 ปี โดยในขณะนั้น ราชาร็อคแอนด์โรลมีอายุ 24 ปีแล้วและอยู่ในช่วงขาขึ้นสุดๆโดยมีเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง "Jailhouse Rock" และ  "Heartbreak Hotel" ติดชาร์ตอยู่ในขณะนั้น ทั้งคู่พบกับกันที่ประเทศเยอรมนีในปี 1959 ซึ่งเป็นช่วงที่เอลวิสถูกเกณฑ์เข้ากองทัพสหรัฐฯและต้องไปประจำการในเยอรมัน ส่วนทางด้านพริสซิลลา เธอต้องเดินทางไปเยี่ยมเยียนพ่อบุญธรรมซึ่งรับหน้าที่ในกองทัพเช่นเดียวกัน

          ทั้งคู่พบกันในงานเลี้ยง ‘โจ เอสโปซิโต’ เพื่อนของเอลวิสกล่าวว่า ตอนที่พริสซิลลาเดินก้าวพ้นประตูเข้ามาในงานเลี้ยง เธอเป็นเด็กสาวที่สวยน่ารักชวนจับจ้องมาก และเธอเองก็ดูอยากเจอเอลวิสตัวเป็นๆด้วยเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นเส้นทางรักของทั้งคู่ก็ไม่ได้เรียบง่าย เพราะครอบครัวของฝ่ายหญิงคิดว่าเธอยังเด็กมากเกินกว่าจะมีความรัก ทางด้านเอลวิสเองก็เทียวไล้เทียวขื่อเยี่ยมเยียนบ้านของพริสซิลลาอย่างไม่ขาดสาย พร้อมยังสัญญากับพ่อบุญธรรมของเธอว่าเขาจะเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น และจะรอจนกว่าวันที่เธอโตพอที่จะสานต่อความรักแบบหนุ่มสาวได้


          ในวันที่เอลวิสถูกส่งตัวกลับไปยังสหรัฐฯ ทั้งคู่ยังคงพยายามติดต่อกันอยู่เรื่อยๆแต่ก็ต้องยอมรับว่าความถี่นั้นลดลงกว่าแต่ก่อนมาก จนกระทั่งสภาพจิตใจของพริสซิลลาจมดิ่งเข้าสู่ความเศร้า เธอบอกกับครอบครัวของเธอว่า อาการซึมเศร้าของเธอจะถูกรักษาให้หายได้ก็ต่อเมื่อเธอได้ไปอยู่ที่เทนเนสซีกับเอลวิสหวานใจของเธอเท่านั้น หลังจากเฝ้าอ้อนวอนมานับเดือน ครอบครัวของพริสซิลลาก็ต้องยอมโอนอ่อนให้เธอบินไปหาเอลวิสได้ ซึ่งมีรายงานข่าวว่าหลังจากที่เธอย้ายเขาไปอยู่กับเขา เอลวิสได้แนะนำให้เธอรู้จักกับสารเสพติดหลายชนิด และแต่ละวันมักผ่านพ้นไปด้วยความมึนเมา

บันทึกรักราชาร็อคแอนด์โรล ‘เอลวิส เพรสลีย์’ กับเรื่องจริงใต้พรม

ร้องไห้เพราะไม่อยากแต่งงาน

          ราชาร็อคแอนด์โรลได้แต่รอวันเวลาให้ล่วงเลยผ่านไปราว 7 ปี จนกระทั่งพริสซิลลาอายุได้ 21 เขาก็ขอเธอแต่งงานและจัดพิธีขึ้นที่ลาสเวกัส แม้รูปจากงานวิวาห์จะดูหวานชื่นจนสาวๆในยุคนั้นอิจฉา แต่พริสซิลลากลับให้สัมภาษณ์ว่างานแต่งของเธอดันมีความไม่รู้สึกชอบมาพากล เท่านั้นยังไม่พอ จากหนังสือชีวประวัติของเอลวิส ‘Down at the End of Lonely Street’ แม่บ้านของเขาให้การว่าคืนก่อนแต่งงาน เธอเห็นเอลวิสก้มหน้าสะอึกสะอื้นร้องไห้อยู่อย่างนั้น แทนที่เขาควรจะรู้สึกเปรมปรี เธอเข้าไปถามเอลวิสว่าทำไมเขาถึงตกอยู่ในอาการแบบนี้ คำตอบที่ได้จากปากเขามีเพียงแค่ “ผมไม่มีทางเลือก”

 

 


          ทางด้านสื่ออย่าง PopSugar ออกมาเปิดเผยว่าในระหว่างที่ทั้งคู่อยู่ในช่วงปลูกต้นรัก ครอบครัวของพริสซิลลาอนุญาตให้ทั้งคู่อยู่ร่วมกันได้ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าท้ายที่สุดยังไงก็ต้องแต่งงานกัน ทางด้านเอลวิสก็รู้สึกกดดันไม่น้อย เพราะกังวลเรื่องข่าวอื้อฉาวที่อาจเกิดขึ้นถ้าเขาไม่ตกลงที่จะแต่งกับเธอ พริสซิลลาให้สัมภาษณ์กับ บาร์บาร่า วอลเตอร์ส นักข่าวและจัดรายการทีวีชาวอเมริกันว่า การแต่งงานของเธอกับเอลวิสล้วนมีปัจจัยจากแรงกดดันภายนอกทั้งสิ้น มันยากมากสำหรับเธอที่อายุยังน้อยและต้องกลายเป็นภรรยา เป็นแม่ที่ดี เป็นคนที่อยู่เคียงข้างเขา แม้ว่าตัวเธอจะได้รับมรสุมจากกลุ่มแฟนคลับร็อคแอนด์โรลในเวลาเดียวกัน บันทึกรักราชาร็อคแอนด์โรล ‘เอลวิส เพรสลีย์’ กับเรื่องจริงใต้พรม

พยายามเปลี่ยนพริสซิลลาให้เป็นสาวในอุดมคติที่เขาต้องการ

          หลังจากแต่งงานพริสซิลลากล่าวว่าเธอต้องทำตัวให้สมบูรณ์แบบ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดูเหมาะสมกับราชาร็อคแอนด์โรล และเอลวิสมักพูดเรื่องนี้กับเธออยู่เสมอ เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเปลี่ยนเธอให้เป็นแบบนั้น จากคำบอกเล่าของพริสซิลลา สาวในอุดมคติของเอลวิสต้องมีผมน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีฟ้าสดใส ซึ่งแน่นอนว่าเขาพยายามทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงเธอให้เป็นดั่งฝัน ทั้งท่าทาง บุคลิก การย้อมผม ครอบฟัน เพื่อให้มีภาพลักษณ์สมบูรณ์แบบไร้ที่ติจนเธอเรียกตัวเองว่าเป็น “ตุ๊กตามีชีวิตของเอลวิส (Elvis' own living doll)

          พริสซิลลาให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง PEOPLE ในปี 1978 ว่า “ชีวิตฉันคือของเขา เขาต้องมีความสุขก่อน ส่วนปัญหาอื่นๆของฉันเป็นเรื่องรองลงมา ฉันอย่างเติบโตได้ด้วยตัวเอง ฉันอยากได้ทำอะไรตามที่ใจต้องการบ้าง” เห็นได้ชัดว่าชีวิตรักของเธอเต็มไปด้วยความกดดันและแบกรับความคาดหวังมากแค่ไหน พริสซิลลายอมรับว่าเธอไม่เคยให้เอลวิสเห็นมุมที่ไม่ได้แต่งหน้าทำผมเลย นั่นก็เพราะเขาต้องการแต่ความสมบูรณ์แบบ

          ส่วนทางด้านเพื่อนของเอลวิสก็ให้ออกมาให้ความเห็นสมทบ “ตัวของเอลวิสเคยพูดว่า พริสซิลลายังเด็กมาก เด็กมากพอที่ฉันจะเปลี่ยนให้เธอเป็นแบบที่ฉันต้องการ”

บันทึกรักราชาร็อคแอนด์โรล ‘เอลวิส เพรสลีย์’ กับเรื่องจริงใต้พรม

หลังจากมีลูกด้วยกัน เอลวิสไม่ปรารถนาที่จะร่วมรักกับเธออีก

          9 เดือนหลังจากงานวิวาห์ ทั้งคู่ก็มีโซ่ทองคล้องใจเหมือนมาเป็นเครื่องการันตีความรัก คุณแม่มือใหม่ให้กำเนิดลูกสาวสุดน่ารัก ‘ลิซา มารี เพรสลีย์ (Lisa Marie Presley)’ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1968 ซึ่งพริสซิลลาให้สัมภาษณ์กับ Huffpost ว่าเธออยากทำหน้าที่แม่ให้ดี แต่ถึงอย่างนั้นเอลวิสก็ชีพจรลงเท้าแถมเขายังอยากให้เธอไปไหนต่อไหนด้วยตลอดเวลา มันเหมือนเป็นสงครามประสาทที่ต่างคนต่างยื้อยุดกันไปมา

          พริสซิลลากล่าวว่าหลังจากให้กำเนิดลิซา เอลวิสดูมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เหมือนเขาหมดแพสชั่นในตัวเธอ เท่านั้นยังไม่พอ พริสซิลลาถ่ายทอดออกมาในหนังสือ ‘Elvis and Me’ ว่า “เอลวิสบอกฉันก่อนแต่งงานว่า เขาไม่สามารถร่วมรักกับผู้หญิงที่ผ่านการมีลูกมาแล้วได้จริงๆ” ข่าวลือหนาหูเรื่องราชาร็อคแอนด์โรลซุกบ้านเล็กบ้านน้อยไว้หลังแต่งงานยิ่งมีมูลความจริงขึ้นเรื่อยๆ

          ก็เฉกเช่นคนทั่วไป เมื่อความใกล้ชิดของคู่รักเริ่มลดลง ทำให้พริสซิลลายิ่งเกิดความสงสัยในตัวเองมากขึ้น เธอจะยังถือเป็นคนสวยอยู่ไหม? เธอยังมีเสน่ห์อยู่จริงหรือเปล่า? ซึ่งเมื่อใครก็ตามเกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นในหัวตัวเองยิ่งนำไปสู่ความเครียดและปัญหาสุขภาพจิตตามมา

          ความเห็นเพิ่มเติมจากเพื่อนเก่าของเอลวิสอย่าง ซันนี่ เวสต์ (Sonny West) เขียนไว้ในหนังสือ Elvis: Still Taking Care of Business  ว่า “มันยากนะที่เอลวิสจะเป็นสามีที่ดี เขามองพริสซิลลาว่าเป็นแม่คนก่อน แล้วค่อยมองว่าเธอเป็นภรรยาเขา และใช่ พอมันเป็นอย่างนี้แล้วเขาก็ไม่อยากร่วมรักกับเธออีก”

          ความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหนึ่งพยายามเปลี่ยนอีกฝ่ายให้เป็นอย่างใจต้องการ รวมถึงอากัปกริยาที่เปลี่ยนไปเมื่อไม่เป็นดั่งหวัง คงพูดได้เต็มปากว่าไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีนัก แม้เอลวิสจะขึ้นชื่อเรื่องความสำเร็จอันมากมายล้นฟ้า แต่ก็ต้องยอมรับว่าอย่างน้อยราชาร็อคแอนด์โรลรายนี้คงไม่ได้ประสบความสำเร็จในเรื่องของ ‘ความรัก’ มากเท่าไหร่นัก

 

ข้อมูลอ้างอิง: