‘COP27’ เปิดประเด็น 125 มหาเศรษฐีโลก ปล่อย CO2 เท่าคนฝรั่งเศสทั้งประเทศ!
COP27 เปิดประเด็นร้อน เผยตัวเลขปริมาณ Co2 ที่บรรดามหาเศรษฐีระดับซูเปอริชของโลก 125 รายใช้ไปในการลงทุนกิจการเกี่ยวกับคาร์บอนด์เทียบเท่ากับปริมาณ Co2 ที่คนฝรั่งเศสปล่อยออกมาทั้งประเทศ!
ที่ประชุมว่าด้วยสภาพอากาศ Cop27 ของ UN ที่ประเทศอียิปต์เปิดประเด็นร้อนวันแรกวานนี้ ด้วยการเปิดเผยผลตรวจสอบปริมาณ Co2 ที่บรรดามหาเศรษฐีระดับซูเปอริชของโลก125 รายใช้ไปในการลงทุนกิจการเกี่ยวกับคาร์บอนด์เท่ากับปริมาณ Co2 ที่คนฝรั่งเศสปล่อยออกมาทั้งประเทศ!
COP27 เปิดเผยผลการศึกษาจากการลงทุนของมหาเศรษฐี 125 คน พบว่าพวกเขามีสัดส่วนการถือหุ้น 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในบริษัท 183 แห่ง โดยเฉลี่ยแล้วการลงทุนในธุรกิจต่างๆ เกี่ยวกับคาร์บอนด์ของมหาเศรษฐีแต่ละรายผลิต CO2 มากถึง 3 ล้านตันต่อปี มากกว่าการปล่อย CO2 เฉลี่ย 2.76 ตันในกลุ่มผู้ที่มารายต่ำสุด 90% ถึง 1 ล้านเท่า รวมแล้วสมาชิก 125 มหาเศรษฐีปล่อย CO2 รวมกันถึง 393 ล้านตันต่อปี - เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมของฝรั่งเศสทั้งประเทศ (ซึ่งมีประชากรราว 67 ล้านคน)
รายงานฉบับนี้จัดทำโดย Oxfam องค์กรไม่แสวงผลกำไร ที่ได้เรียกร้องให้มีการควบคุมการลงทุนของกลุ่มคนมหารวยเหล่านี้มากขึ้น รวมไปถึงเรื่องของการเก็บภาษีความมั่งคั่ง หรือ weath tax ที่มีอัตราการลงทุนสูงเป็นภูเขาจากการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษ
Danny Sriskandarajah ผู้บริหารระดับสูงของ Oxfam GB กล่าวว่า "เราต้องการให้ Cop27 เปิดเผยและเปลี่ยนบทบาทที่บริษัทขนาดใหญ่และนักลงทุนที่ร่ำรวยของพวกเขากำลังเล่นอยู่ เพื่อทำกำไรจากมลพิษที่สร้างปัญหาด้านวิกฤตสภาพภูมิอากาศโลก เพราะตอนนี้กลายเป็นว่า ผู้คนในกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อย ปล่อยคาร์บอนด์น้อยที่สุดแต่กลับได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด ดังที่เราเห็นได้จากความแห้งแล้งรุนแรงในแอฟริกาตะวันออกและอุทกภัยครั้งใหญ่ในปากีสถาน”
ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าว เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมผู้บริโภค พลังงาน และวัสดุ โดยคิดเป็นเฉลี่ย 14% ของการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษ เช่น เชื้อเพลิงฟอสซิลและซีเมนต์ โดยมีบริษัทพลังงานหมุนเวียนเพียงแห่งเดียวในกลุ่มตัวอย่างนี้
จากการศึกษาพบว่า 50-70% ของการปล่อยมลพิษจากมหาเศรษฐีมาจากการลงทุนของพวกเขา นักวิจัยทำการคำนวณโดยเริ่มจากรายชื่อคนรวย 220 ที่รวยที่สุดในโลก (จากลิสต์คนรวยของ Bloomberg เมื่อเดือนสิงหาคม 2565) โดยทำการนี้ร่วมกับผู้ให้บริการข้อมูล เพื่อระบุตัวเลขสัดส่วนของแต่ละบริษัทที่มหาเศรษฐีถือครอง
“มหาเศรษฐีเหล่านี้จะต้องเดินทางรอบโลกเกือบ 16 ล้านครั้งในเครื่องบินส่วนตัวเพื่อสร้างปริมาณมลพิษเท่านี้” รายงานเปิดเผย และเสริมอีกว่า คนเกือบสี่ล้านคนจะต้องทานวีแกนเพื่อชดเชยการปล่อยมลพิษของมหาเศรษฐีเหล่านี้
วิเคราะห์ไปถึงสิ่งที่ซูเปอร์ริชบางคนพยายามทำ เพื่อสร้างคะแนนบวก ในการจัดการกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เช่น Yvon Chouinard มหาเศรษฐีเจ้าของแบรนด์ชุดกีฬา Patagonia ที่ประกาศว่า "โลก (Earth) เป็นผู้ถือหุ้นเพียงรายเดียวของเรา"
รายงานดังกล่าวยังระบุว่า มหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยีอย่าง Mike Cannon-Brookes เข้าถือหุ้นใหญ่ใน AGL บริษัทพลังงานของออสเตรเลียเพื่อกางปีกกันไม่ให้ AGL ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหินต่อไปอีกสองทศวรรษ แต่นักวิจัยของ Oxfam กล่าวว่า ความพยายามในการเคลื่อนไหวเหล่านี้มีน้อยมากในกลุ่มตัวอย่างของมหาเศรษฐี
โดย Oxfam ยังคาดการณ์ว่า การจัดเก็บภาษีความมั่งคั่งสำหรับคนรวยมากที่สุดในโลกเหล่านี้สามารถหาเงินได้ 1.4 ล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งอาจช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้ ในการจัดการกับความสูญเสียและความเสียหาย
นอกจากนี้ยังแนะนำให้เก็บภาษี (คนรวยเหล่านี้) ในอัตราที่สูงขึ้นอย่างมากสำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษ และยังเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการในการควบคุมการลงทุนในการสกัดและการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่ๆ รวมไปถึงในอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษสูงนั้นควรได้รับการควบคุมและสั่งห้ามอย่างเข้มงวดในหลาย ๆ กรณี
“เราต้องการให้รัฐบาลจัดการกับเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ด้วยการเผยแพร่ตัวเลขการปล่อยมลพิษในกลุ่มคนที่ร่ำรวยที่สุด ควบคุมนักลงทุนและบริษัทต่างๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และการเก็บภาษีความมั่งคั่งและการลงทุนที่สร้างมลพิษ พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ปกปิดหรือฟอกเขียว” Sriskandarajah กล่าว
“บทบาทของมหาเศรษฐีในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยใช้พลังงานสูงมากเกินไป (super-charging climate change) นั้นไม่ค่อยมีใครพูดถึง สิ่งนี้ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะนักลงทุนมหาเศรษฐีเหล่านี้ ซึ่งล้วนอยู่บนจุดสูงสุดของพีระมิดขององค์กร มีส่วนรับผิดชอบอย่างมากในการขับเคลื่อนความสำเร็จหรือความล้มเหลวต่อสภาพอากาศโลก พวกเขาหนีความรับผิดชอบมานานเกินไป”
อ้างอิง:
https://www.theguardian.com/environment/2022/nov/07/super-richs-carbon-investment-emissions-equivalent-to-whole-of-france