posttoday

FTA ดันส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูป ไตรมาสแรก โต 11%

12 พฤษภาคม 2566

สินิตย์ เผยแม้สภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย ช่วงไตรมาสแรก ส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปของไทยกลับโตแรง 11.4% มูลค่าทะลุ 4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนสินค้าเกษตร โตเพิ่ม 3% ผลไม้-อาหารแช่แข็งสินค้าดาวเด่น มีแนวโน้มส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง แนะใช้ FTA สร้างแต้มต่อขยับส่งออก

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ติดตามสถานการณ์การส่งออกสินค้าของไทยไปยังกลุ่มประเทศคู่ค้าที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) 18 ประเทศ พบว่า ในช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค. 2566) มีมูลค่า 41,216 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกมีสภาวะถดถอย ทำให้การส่งออกชะลอตัวเล็กน้อย แต่หากพิจารณาการส่งออกกลุ่มสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปไปกลุ่มประเทศคู่ FTA สามารถขยายตัวได้ดี ซึ่งมีอัตราการขยายตัวสูงกว่าการส่งออกไปประเทศที่ไทยไม่มี FTA โดยสินค้าเกษตรส่งออกไปประเทศคู่ FTA มูลค่า 4,106 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+3%) สัดส่วน 69.7% ของการส่งออกสินค้าเกษตร สำหรับสินค้าเกษตรแปรรูปส่งออกไปประเทศคู่ FTA มูลค่า 4,162 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+11.4%) คิดเป็นสัดส่วน 70% ของการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปทั้งหมด ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าเกษตรไปกลุ่มประเทศที่ไทยไม่มี FTA (-6%) และการส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปไปกลุ่มประเทศที่ไทยไม่มี FTA (+6%)

 

“แนวโน้มการส่งออกกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารของไทยในอนาคตมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันจีนได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกเติบโต อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในการผลิต และเป็นที่ต้องการของตลาด ดังนั้น ผู้ประกอบการควรใช้ประโยชน์จาก FTA ส่งออกอย่างเต็มที่ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนายกระดับสินค้าให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล สอดคล้องกับกระแสการรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างจุดเด่นให้กับสินค้า และแสวงหาตลาดศักยภาพใหม่ๆ เพื่อเป็นโอกาสทางธุรกิจ” นายสินิตย์กล่าว

 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เพิ่มเติมว่า สำหรับสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปที่ส่งออกไปกลุ่มประเทศคู่ค้า FTA ขยายตัวได้ดี อาทิ ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง (+60%) ตลาดที่ขยายตัว อาทิ จีน อินโดนีเซีย และอินเดีย ข้าว (+30%) ตลาดที่ขยายตัว อาทิ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง (+56%) ตลาดที่ขยายตัว อาทิ จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (+2%) ตลาดที่ขยายตัว อาทิ จีน เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (+4%) ตลาดที่ขยายตัว อาทิ ญี่ปุ่น ชิลี และกัมพูชา ไอศกรีม (+29%) ตลาดที่ขยายตัว อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม และเกาหลีใต้ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (+3%) ตลาดที่ขยายตัว อาทิ จีน และ สปป.ลาว ผักกระป๋องและผักแปรรูป (+20) ตลาดที่ขยายตัว อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตร อันดับที่ 1 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 9 ของโลก และผู้ส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูป อันดับที่ 3 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 9 ของโลก

 

“FTA ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าไทยในตลาดโลก โดยปัจจุบัน FTA ที่มีผลใช้บังคับแล้ว ประเทศคู่ค้าได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปส่วนใหญ่ให้กับไทยแล้ว โดยในปีนี้ กรมมีแผนจะเร่งเดินหน้าเจรจา FTA กับคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหภาพยุโรป (EU) เอฟตา (EFTA) แคนาดา ตุรกี ศรีลังกา และปากีสถาน รวมทั้งจะเปิดเจรจากับคู่ค้าใหม่ ได้แก่ กลุ่มอ่าวอาหรับ (GCC) กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก และกลุ่มประเทศแอฟริกา เพื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการส่งออกของไทยในอนาคต” นางอรมนเสริม