การรักษาแบบใหม่ที่ใช้ไวรัสเริมมาฆ่าเซลล์มะเร็ง
เรารู้จักเริมในฐานะโรคติดต่อทางผิวหนัง หนึ่งในโรคที่แสดงอาการออกมาเด่นชัด แม้ไม่เป็นอันตรายนักแต่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หลายคนอาจมีประสบการณ์ไม่ดีจากโรคนี้ แต่ปัจจุบันเริ่มมีแนวคิดดัดแปลงเชื้อชนิดนี้ไปใช้ในการรักษามะเร็ง
การวิจัยรักษามะเร็งเกิดขึ้นต่อเนื่อง นี่คือโรคร้ายอันดับต้นที่คร่าชีวิตมนุษย์ไปมากมาย ไม่ว่าเป็นกลุ่มประเทศร่ำรวยหรือยากจนล้วนมีผู้ป่วยโรคนี้ นักวิจัยมากมายจึงมองหาทางรักษา เพื่อค้นหาวิธีช่วยชีวิตผู้ป่วยนับล้านรายที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก จนเกิดเป็นการคิดค้นตัวยารวมถึงกรรมวิธีหลากหลายในการยับยั้งและรักษาโรค
กระนั้นคงไม่มีใครคิดเช่นกันว่าภายใต้การวิจัยมากมาย จะมีผู้นำเอาเชื้อไวรัสจากเริมมาใช้เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
เริม โรคติดต่อทางผิวหนังที่ยังไร้ทางรักษาให้หายขาด
เริม ถือเป็นโรคติดต่อไม่ร้ายแรงที่จะแสดงอาการออกมาทางผิวหนังโดยเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย โดยผู้ป่วยส่วนมากมักเป็นช่วงวัยรุ่นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ กลุ่มที่มีอัตราการเข้าสังคมค่อนข้างสูงถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจก่อโรค และทำให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง
ต้นตอของโรคชนิดนี้เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex virus(HSV) โดยแบ่งออกเป็นชนิดที่ 1 ซึ่งมักพบบริเวณปาก และชนิดที่ 2 พบในบริเวณอวัยวะเพศ แต่ทั้งนี้เชื้อทั้งสองชนิดสามารถพบได้ทั้งปากและอวัยวะเพศเช่นกัน ขึ้นกับว่าผู้ป่วยได้รับเชื้อมาจากบริเวณไหน
โดยพื้นฐานเมื่อได้รับเชื้อจะระยะเวลาฟักตัวราว 2 – 20 โดยจะมีตุ่มพองใสขนาดเล็กบริเวณผิวหนังที่ติดเชื้อ เมื่อมีขนาดใหญ่ขึ้นตุ่มใสจะแตกออกกลายเป็นบาดแผล ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนในบริเวณนั้น มีความเสี่ยงที่เชื้อจะลุกลามทำให้เกิดบาดแผลและการอักเสบขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้การรักษาทำได้ยากขึ้น
นอกจากที่กล่าวไปข้างต้นผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นร่วมเมื่อแสดงอาการ เช่น มีไข้, ปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย และปวดเมื่อยตามร่างกาย มีอาการใกล้เคียงกับโรคหวัดแต่ไม่มีน้ำมูก โดยผู้ป่วยครั้งแรกจะมีอาการรุนแรงและใช้เวลาพักรักษาตัวราว 1 – 2 สัปดาห์ เมื่อกลับมาเป็นซ้ำระยะเวลาเกิดอาการจะเริ่มลดลงเนื่องจากร่างกายเริ่มมีภูมิคุ้มกัน
เริมอาจเป็นโรคติดต่อไม่ร้ายแรงสามารถรักษาให้หายได้ในเวลาไม่นาน แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอาจลุกลามไปยังอวัยวะอื่น หากลุกลามไปถึงดวงตาอาจทำให้สูญเสียการมองเห็น หรือในกรณีเชื้อลุกลามถึงสมอง อาจทำให้เกิดอาการสมองอักเสบได้ทีเดียว นี่จึงเป็นอีกโรคที่ไม่สามารถละเลยได้เช่นกัน
อีกจุดเด่นประการสำคัญคือแม้มีการคิดค้นยาฆ่าเชื้อและรักษาโรคที่ใช้ได้ผล แต่ไม่สามารถรักษาโรคนี้ให้หายขาดจากผู้ป่วย ด้วยเชื้อชนิดนี้สามารถเข้าไปฝังตัวอยู่ในปมประสาทซึ่งยาไม่สามารถเข้าถึง ดังนั้นเมื่อมีการเจ็บป่วยจากโรคนี้แล้วครั้งหนึ่ง ก็มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดโรคชนิดนี้ได้ในอนาคตเมื่อร่างกายอ่อนแอหรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง
การรักษามะเร็งชนิดใหม่ ใช้ไวรัสเริมฆ่าเซลล์มะเร็ง
แนวคิดนี้เกิดขึ้นโดยสถาบันวิจัยมะเร็งในลอนดอน จากรายงานการทดลองภายหลังการนำ RP2 เชื้อไวรัสเริมที่ผ่านการดัดแปลง เพื่อให้มีคุณสมบัติในการฆ่าเซลล์มะเร็งของผู้ป่วย โดยเฉพาะกับผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในตำแหน่งซับซ้อนยากต่อการรักษา และช่วยให้ผู้ป่วยบางส่วนมีอาการทุเลาลง
เชื้อเริมที่ได้รับการดัดแปลงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเซลล์มะเร็งในระดับสูง นอกจากสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งที่อยู่ในเนื้องอก ยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้สามารถต่อต้านเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย นั่นทำให้เชื้อ RP2 อาจเป็นตัวเลือกในการรักษาใหม่ในการรักษาโรคมะเร็ง โดยเฉพาะผู้ป่วยอาการหนักและผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษารูปแบบอื่นๆ
ขั้นตอนการรักษาวิธีนี้เริ่มจากการนำเชื้อ RP2 ฉีดเข้าสู่ร่างกายตำแหน่งเนื้องอกโดยตรง เพื่อให้เชื้อเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งแล้วขจัดออกจากร่างกาย รวมถึงเข้าไปยับยั้งโปรตีน CTLA-4 ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งเชื้อยังได้รับการดัดแปลงให้สร้าง GM-CSF and GALV-GP-R ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ต่อสู้กับเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การในการทดลองขั้นแรกพบว่า ผู้ป่วยสามคนที่ได้รับการฉีดเชื้อเข้าสู่ร่างกายมีขนาดเนื้องอกเล็กลง ในขณะที่อีกรายหายสนิทจากมะเร็งและกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ และเมื่อขยับไปหากลุ่มใหญ่ขึ้นพบว่า เชื้อชนิดนี้ช่วยให้ผู้ป่วย 7 จาก 30 รายที่มีอาการดีขึ้น
อีกหนึ่งจุดเด่นสำหรับการรักษาวิธีนี้คือ ผลข้างเคียงในการรักษาไม่รุนแรง แตกต่างจากการรักษาด้วยการฉายแสงและคีโม ที่อาจส่งผลกระทบต่อภูมิคุ้มกัน เม็ดเลือด ไปจนไขกระดูกของผู้ป่วย ในขณะที่เชื้อชนิดนี้ทำให้คนไข้มีอาการไข้ หนาวสั่น และเหนื่อยล้าเท่านั้น แทบไม่มีอาการร้ายแรงจนต้องได้รับการดูแลเฉพาะทางแต่อย่างใด
แน่นอนหากคิดเป็นจำนวนรวมไม่สามารถพูดว่าสำเร็จได้เต็มปาก เมื่อการทดลองครั้งที่สองได้ผลกับผู้ป่วยเพียง 23.33% แต่ต้องไม่ลืมว่าผู้ป่วยที่เข้ารับการฉีดเชื้อ ถือเป็นผู้ป่วยอาการหนักที่ไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดหรือการรักษารูปแบบอื่น มีผู้ป่วยอาการร้ายแรงอยู่มาก เราจึงไม่สามารถยึดข้อมูลจากสถิตินี้เพียงอย่างเดียว
ปัจจุบันการรักษาด้วยเชื้อเริมอาจมีผลสำเร็จในการรักษาไม่มาก แต่นี่เป็นก้าวแรกอันน่าสนใจ เปิดมุมมองใหม่ในการรักษาโรคมะเร็ง โดยเฉพาะเมื่อผลข้างเคียงจากการรักษาลดน้อยลง หากการรักษาด้วยเชื้อเริมได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง ไม่แน่ในอนาคตเราอาจได้วิธีรักษาโรคมะเร็งโดยไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายก็เป็นได้
ที่มา
https://interestingengineering.com/health/genetically-engineered-herpes-virus-kills-cancer-cells
https://www.pobpad.com/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1