เมื่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต WIFI สามารถทำให้เรามองทะลุกำแพง
อินเทอร์เน็ต WIFI กลายเป็นสิ่งจำเป็นอยู่คู่กับการใช้ชีวิต ใช้ในการเชื่อมต่อสู่โลกภายนอกหรือแม้แต่อุปกรณ์ภายในบ้านด้วยกันเองก็ตาม กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ขาดไม่ได้ แต่ล่าสุดเราอาจต้องระวังกันอีกนิด เมื่อสัญญาณ WIFI สามารถใช้ในการมองทะลุกำแพง
อินเทอร์เน็ต WIFI ถือเป็นอุปกรณ์สามัญประจำบ้านในยุคปัจจุบัน ถึงขั้นมีการเรียกร้องให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงในหลายประเทศ กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ขาดไม่ได้โดยเฉพาะเมื่อโลกเข้าสู่ยุคสมัยดิจิทัลอย่างเต็มตัว
แต่ขณะเดียวกันสัญญาณ WIFI เองก็อาจถูกนำไปใช้ทิศทางอื่นที่เป็นอันตรายได้เช่นกัน
การส่องทะลุกำแพงด้วยสัญญาณ WIFI
ผลงานนี้เป็นของทีมวิจัยจาก Carnegie Mellon University และ University of Waterloo ที่สามารถค้นหาวิธีตรวจจับวัตถุรูปแบบใหม่อาศัยเพียงสัญญาณ WIFI จากอุปกรณ์พื้นฐานอย่างเราท์เตอร์ ในการตรวจสอบวัตถุหรือบุคคลภายในห้องโดยไม่สนใจสิ่งกีดขวาง
ระบบนี้อาศัยสัญญาณอินเทอร์เน็ต WIFI ในการส่งสัญญาณด้วยเซ็นเซอร์ DensePose ระบบตรวจจับไว้ใช้สำหรับในการระบุตำแหน่งของร่างกายมนุษย์จากภาพถ่าย เป็นระบบที่ได้รับการพัฒนาจากนักวิจัยในลอนดอนและทีมพัฒนาของ Meta ช่วยให้สามารถอธิบายท่าทางของบุคคลต่างๆ ผ่านสัญญาณที่ส่งกลับมาเพื่อตรวจสอบการขยับร่างกายของมนุษย์
เมื่อนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในการส่งสัญญาณ WIFI ความถี่ต่ำ สัญญาณนี้จะกระทบกับวัตถุและย้อนกลับมายังเครื่องตรวจจับ จะช่วยสร้างแผนที่สามมิติของพื้นที่นั้นๆ ผ่านการทำงานองระบบแบบเดียวกับ เรดาร์ หรือ โซนาร์ อีกทั้งสามารถทำงานได้แม้มีผนังหรือกำแพงขวางกั้น ไม่ว่าวัสดุที่ขวางจะเป็นพลาสติก ไม้ หรือคอนกรีตก็ตาม
โดยพื้นฐานแล้วระบบและเซ็นเซอร์ชนิดนี้ถูกคิดค้นเพื่อใช้ในกล้องถ่ายรูป เพื่อรับมือสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยในการเก็บภาพ เช่น สภาพแสงน้อยหรือจ้าจนเกินไป ช่วยให้ตัวกล้องสามารถจำลองภาพถ่ายและส่งเสริมประสิทธิภาพในการเก็บช่วงเวลาแห่งความทรงจำของผู้ใช้งาน ถือเป็นระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกล้องได้มาก
แต่เมื่อมีการนำมาใช้งานในด้านนี้ผ่านมือของผู้เชี่ยวชาญก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมายเช่นกัน
คุณประโยชน์และความร้ายแรงของการตรวจจับด้วย WIFI
อันที่จริงแนวคิดการใช้งานสัญญาณ WIFI เพื่อค้นหาวัตถุไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้มีการค้นพบว่าสัญญาณอินเทอร์เน็ต WIFI สามารถนำไปใช้หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดในพื้นที่จากอุปกรณ์ชื่อ Wi-Peep จนสร้างความกังวลแก่ผู้คน เพราะนั่นจะทำให้คนร้ายสามารถรู้ตำแหน่งของอุปกรณ์สำคัญ เช่น กล้องวงจรปิด โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ได้ทันที อีกทั้งยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์ชนิดนี้ผ่านโดรน เพื่อให้สามารถตรวจสอบและแทรกแซงระบบจากระยะไกลได้ด้วย
ครั้งนี้กลับยิ่งน่ากลัวเมื่อสิ่งที่ตรวจจับไม่ใช่เพียงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่เป็นบุคคลและโครงสร้างทั้งหมดของพื้นที่ อีกทั้งสามารถใช้งานทะลุผ่านสิ่งกีดขวางได้ทันที นั่นยิ่งทำให้หลายคนตั้งคำถามเรื่องความเป็นส่วนตัว หรือที่มากกว่าคือมันอาจถูกนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรม
ที่ผ่านมามีการพัฒนาและใช้งานอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุขึ้นมาก็จริง แต่ส่วนมากเทคโนโลยีเหล่านั้นมีความยากในการประดิษฐ์ใช้งานและมีต้นทุนการผลิตสูงจึงไม่เป็นที่นิยม เช่น Radar ที่ใช้ในการทหาร, Sonar ที่ใช้งานด้านเดินเรือ หรือ LIDAR ที่ถูกติดตั้งบนระบบรถยนต์ไร้คนขับ แตกต่างจาก WIFI ที่นอกจากเราท์เตอร์จะมีราคาหลักร้อยบาท เราทุกคนยังมีอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานสัญญาณชนิดนี้ทั้งสิ้น
นำไปสู่คำถามว่าในอนาคตสัญญาณ WIFI จะกลายเป็นอันตรายในการใช้งานแทนหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อแนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยี WIFI ล้ำหน้าขึ้นทุกวัน และเราไม่มีสิทธิปฏิเสธความก้าวหน้าทางนวัตกรรมที่เทคโนโลยีนี้นำมาให้เราได้อีกต่อไป
แน่นอนหากนำไปใช้ในทางที่ถูก อุปกรณ์มองทะลุเหล่านี้สามารถสร้างประโยชน์ได้มากมาย เช่น ผู้บังคับใช้กฎหมายที่สามารถตรวจสอบจำนวน ตำแหน่ง และอาวุธของคนร้าย ลดความเสี่ยงที่จะเกิดในการปฏิบัติหน้าที่ หรือเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่สามารถรับทราบตัวตนของผู้ต้องการความช่วยเหลือทันท่วงทีจนช่วยชีวิตคนได้อีกมาก
แต่ในทางกลับกันนี่ก็อาจเป็นเทคโนโลยีที่ละเมิดความเป็นส่วนตัว ทำให้เราถูกตรวจสอบและระบุจำนวนได้ในพริบตาแม้อยู่ในที่พักอาศัย ซึ่งอาจกลายเป็นเรื่องร้ายแรงเมื่อถูกนำไปใช้งานในด้านโจรกรรมและประทุษร้าย อีกทั้งยังอาจถูกนำไปใช้รับมือกับเจ้าหน้าที่ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
เปรียบเทียบกับเทคโนโลยี Wi-Peep ที่ถูกนำไปใช้เพื่อตรวจจับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในพื้นที่ ต้นทุนการผลิตของอุปกรณ์อยู่ที่ราว 20 ดอลลาร์(660 บาท) สามารถทำได้ด้วยอุปกรณ์ที่วางขายทั่วไป อีกทั้งนำไปติดตั้งเพื่อใช้งานบนโดรนได้ ดังนั้นหากเซ็นเซอร์ DensePose สามารถใช้งานได้แบบเดียวกัน เราก็ไม่อาจจินตนาการความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้อีก
ร้ายแรงกว่านั้นคือต่อให้รู้ต้นตอการป้องกันก็ทำได้ยาก ปัจจุบันเราต่างต้องการสัญญาณอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงเพื่อให้สามารถใช้อุปกรณ์ได้ลื่นไหลต่อเนื่อง จึงไม่สามารถปิดกั้นสัญญาณ WIFI จากอุปกรณ์ภายนอกเข้ามาในบ้านได้ นั่นทำให้แนวทางป้องกันอาจไม่เกิดขึ้นเลย
นี่จึงเป็นโจทย์ข้อใหญ่ที่นักวิจัยจำเป็นต้องหาทางรับมือต่อไป จะทำอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในทางผิด หรืออาจต้องหาวิธีรับมือป้องกันเพิ่มเติม เพราะไม่แน่ว่านี่อาจเป็นเทคโนโลยีที่ถูกอาชญากรหรือผู้ก่อการร้ายนำไปใช้งาน สร้างความเสียหายใหญ่หลวงในอนาคต
ที่มา
https://www.posttoday.com/post-next/687555
https://interestingengineering.com/innovation/see-through-walls-using-wi-fi-routers