คุณครูเหงื่อตก เมื่อ AI กำลังจะสอนหนังสือใน UAE
เราทราบดีว่า ChatGPT มีขีดความสามารถหลากหลาย มีศักยภาพในการทำงานรอบด้าน สร้างแรงสั่นสะเทือนให้แก่แรงงานในวิชาชีพต่างๆ ล่าสุดความกังวลนี้จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์พัฒนาระบบ ChatGPT ให้มีส่วนร่วมในการเรียนการสอน
การเติบโตของเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์สร้างแรงสั่นสะเทือนแก่ทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่เอไอวาดรูปในกลุ่ม Midjourney ไปจนการมาถึงของ Chatbot อย่าง ChatGPT และเอไอตัวอื่นที่ทยอยเปิดตัวออกมาต่อเนื่อง พร้อมขีดความสามารถที่เปลี่ยนความรู้ความเข้าใจของคนเราโดยสิ้นเชิง
สิ่งนี้ทำให้เกิดความกังวลจากสายอาชีพจำนวนมาก ตั้งแต่กลุ่มศิลปินกับข้อถกเถียงต่อผลงานศิลปะจากฝีมือของ Midjourney ที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง, ความกังวลของกลุ่มนักเขียนต่อศักยภาพการเรียบเรียงข้อมูลของ ChatGPT สั่นสะเทือนถึงสายงานมากมาย ตั้งแต่นักเขียนโปรแกรม, นักกฎหมาย, ที่ปรึกษา ฯลฯ
ล่าสุดของเขตของการใช้งานจะยิ่งกว้างขึ้นอีกเมื่อกำลังจะมีการใช้งานเอไอมาร่วมเป็นอาจารย์ผู้สอนแล้วเช่นกัน
สู่การผลักดันให้ใช้งาน ChatGPT ในการเรียนการสอน
เจ้าของไอเดียนี้คือรัฐบาลของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่เริ่มมองเห็นขีดความสามารถของระบบเอไออย่าง ChatGPT หรือ Bard จึงเริ่มมีแนวคิดในการผลักดันนำเอไอมาเข้าร่วมจัดการเรียนการสอน และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาในประเทศ
แนวคิดนี้เริ่มต้นจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เป็นไปอย่างก้าวกระโดด สร้างผลกระทบต่อเทคโนโลยีทางการศึกษาหลายด้าน รูปแบบการเรียนการสอนดั้งเดิมจึงเริ่มไม่ตอบโจทย์จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้นักเรียนและคนรุ่นใหม่รู้เท่าทันเทคโนโลยี รวมถึงมีความเชี่ยวชาญให้ตรงกับยุคสมัย
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงนำออกมาเป็นข้อสรุปในการนำเทคโนโลยี Chatbot แบบ ChatGPT มาประยุกต์ใช้มีส่วนร่วมในการเรียนการสอน โดยจะร่วมมือกับบริษัท Microsoft, OpenAI และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ในการพัฒนาระบบสำหรับส่งเสริมการเรียนรู้ เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีนี้จะมีส่วนร่วมและถูกใช้งานพัฒนาคุณภาพการศึกษา
รัฐมนตรีศึกษาธิการเน้นย้ำว่า เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ออกแบบเพื่อใช้ในการแทนที่หรือบดบังบทบาทของครูที่มีอยู่ ครูวิชาชีพจะยังเป็นแกนหลักในการเรียนรู้และกำหนดหลักสูตรให้แก่เด็กเช่นเดิม แต่ปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ ไปจนเพิ่มประสิทธิภาพการสอนให้แก่คณาจารย์ในการเข้าถึงข้อมูลได้เที่ยงตรงแม่นยำยิ่งขึ้น
ปัจจุบันหน่วยงานด้านการศึกษาแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังร่างนโยบายเพื่อให้คำแนะนำรวมถึงเขียนคู่มือการใช้งานเทคโนโลยี เพื่อให้ครูอาจารย์สามารถใช้งานเทคโนโลยีนี้ได้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่นเดียวกับบรรดานักเรียนที่จะได้รับการสอนให้ใช้งานและรู้เท่าทันเอไอ ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาไปจนใช้งานเทคโนโลยีในอนาคต
แนวคิดการใช้งาน ChatGPT ในการเรียนการสอนสวนทางหลายประเทศ
มุมมองที่มีต่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แตกต่างประเทศต้นกำเนิด ChatGPT อย่างสหรัฐเอง นิวยอร์กมีการสั่งแบนห้ามใช้งาน ChatGPT ในโรงเรียน เช่นเดียวกับสถานบันการศึกษาหลายแห่ง ที่ปัจจุบันเริ่มมองหามาตรการรับมือบทความหรืองานวิจัยที่เขียนจากเทคโนโลยีนี้แล้วเช่นกัน
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มองว่าการห้ามใช้เทคโนโลยีโดยสิ้นเชิงไม่ใช่คำตอบ เช่นเดียวกับความพยายามในการต่อต้านแบบหัวชนฝาทั้งหลาย พวกเขาตัดสินใจยอมรับการมีอยู่และใช้งานเทคโนโลยีนี้ แต่เลือกจะทำการเรียนรู้และใช้งานเพื่อให้นักเรียนและเยาวชนเข้าใจเทคโนโลยี จะได้มีภูมิคุ้มกันและเข้าถึงขีดสูงสุดในการเรียนรู้จากเทคโนโลยีเสียมากกว่า
ที่ผ่านมาขีดความสามารถของ ChatGPT และ AI Chatbot ทำให้เราพากันหวาดกลัว หาทางป้องกันยับยั้งการใช้งานภายในพื้นที่สถานศึกษาทุกรูปแบบ ไปจนคิดค้นโปรแกรมตรวจจับงานเขียนที่เกิดขึ้นจาก ChatGPT เพื่อป้องกันการทุจริตในแวดวงการศึกษา ซึ่งอาจส่งผลต่อเกณฑ์การพิจารณาระดับความรู้และสร้างความวุ่นวายแก่สังคม
แต่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าขีดความสามารถของ ChatGPT จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเรียนรู้ของคนได้อีกมาก
ล่าสุดมีการใช้งาน ChatGPT เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยโรค Dyslexia หรือความผิดปกติทางการอ่านและเรียนรู้ภาษา จนไม่สามารถทำการอ่าน เขียน หรือสะกดคำ อย่างนักศึกษาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จากฝรั่งเศส ให้ช่วยแปลความหมายของคำและภาษาจากวิชาหลักภาษาและการเขียนเรียงความต่างๆ ช่วยเพิ่มเข้าใจในการเรียนและผลักดันให้เกรดของเธอเพิ่มสูงขึ้น
แนวทางการใช้งานนี้ช่วยเป็นความหวังให้แก่ผู้มีความบกพร่องจำนวนมาก พวกเขาอาจขาดความรู้ความสามารถในบางด้านจึงไม่สามารถเรียนตามเพื่อนในห้องและหลักสูตรธรรมดาทัน อีกทั้งยังขาดบุคลากรเพียงพอในการสอนหรือผลักดันเด็กกลุ่มนี้ให้เข้าใจเนื้อหา ทำให้พวกเขาหลุดจากระบบการศึกษาและไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาเพื่อยกระดับฐานะตัวเองได้
ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไปจากการมาถึงของเทคโนโลยีนี้ หากสามารถพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แบบ ChatGPT เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ได้สำเร็จ ช่วยเพิ่มความเข้าใจให้แก่ผู้เรียน ลดข้อบกพร่องของพวกเขาให้เข้าใจเนื้อหา และสามารถเรียนร่วมกับเด็กทั่วไปได้ง่ายขึ้น ยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมให้แก่คนอีกมาก
นอกจากนี้อีกหนึ่งปัญหาที่กำลังส่งผลกระทบทั่วโลกไม่แพ้กันคือ แรงงานวิชาชีพครูเริ่มขาดแคลน การระบาดของโควิดทำให้โรงเรียนจำนวนมากประสบปัญหาขาดทุนในหลายประเทศโดยเฉพาะในไทย โรงเรียนขนาดกลางและเล็กจำนวนมากทยอยปิดกิจการต่อเนื่องจากปัญหาภาระค่าใช้จ่าย
เช่นเดียวกับอาจารย์ทยอยลาออกจากระบบจากปัญหาความบีบคั้นทางภาระหน้าที่ การระบาดของโควิดทำให้ครูจำนวนมากต้องปรับตัวกับเทคโนโลยีและมีภาระงานเพิ่มขึ้น นำไปสู่ความเครียดที่พุ่งสูง อีกทั้งการขาดทุนของโรงเรียนทำให้ครูหนึ่งคนจำเป็นต้องควบหลายหน้าที่ นำไปสู่ความเคียดในการทำงานและลาออกจนทำให้ขาดแคลนแรงงานครูในที่สุด นั่นทำให้บุคลากรทางการศึกษาประสบปัญหาไม่เพียงพอ
แต่หากระบบสนับสนุนการเรียนการสอนนี้ประสบความสำเร็จ จะช่วยให้การเรียนการสอนทางไกลทำได้ง่าย, เข้าถึงนักเรียนจำนวนมาก, ลดภาระหน้าที่ครูทางงานสอน รวมถึงเปิดโอกาสให้เข้าถึงติวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์รายบุคคล ที่ผู้เรียนสามารถสอบถามความเข้าใจโดยไม่ถูกต่อว่าหรือกดดัน อาจช่วยให้เด็กทำความเข้าใจเนื้อหาและสนุกกับการเรียนมากขึ้นอีกด้วย
ดังนั้นเราจึงไม่สามารถมองข้ามการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือนำ ChatGPT มาใช้พัฒนาระบบการศึกษาอีกต่อไป
แน่นอนแนวคิดการใช้งานเอไอแบบ ChatGPT นี้ยังคงก่อให้เกิดคำถามหลายด้าน เช่น ความสำคัญและบทบาทครูจะลดลงจนกลายเป็นการแย่งตำแหน่งงานหรือไม่?, จะเป็นช่องทางส่งเสริมการทุจริตแก่ผู้เรียนหรือไม่? รวมถึงจะเป็นปัญหาในการสื่อสารและเข้าสังคมแก่เด็กที่ใช้งานระบบนี้ขนาดไหน? นั่นเป็นคำถามที่เราคงต้องเฝ้าระวังกันต่อไป
อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบข้อดีนี่ก็อาจเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการแก้ปัญหาระบบการศึกษาทั่วโลกเช่นกัน
ที่มา
https://www.brandbuffet.in.th/2023/01/new-york-city-schools-ban-chatgpt/