posttoday

จากเจ้าชายผู้สูงส่งแห่งราชวงศ์อังกฤษ สู่จอมแฉในแบบฉบับสังคมอเมริกัน (1)

10 มกราคม 2566

อะไรทำให้เจ้าฟ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ผู้สูงศักดิ์กลายเป็นเจ้าชายจอมแฉ ไม่ว่าจะเป็นราวที่ขุดคุ้ยออกมาให้ชาวโลกได้รับรู้ทั้งผ่านการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ ซีรีส์ทาง Netflix แฮรี่และเมแกน มาจนถึงการตีพิมพ์หนังสือ Spare ที่แปลว่าตัวสำรอง!

จากเจ้าชายผู้สูงส่งแห่งราชวงศ์อังกฤษ สู่จอมแฉในแบบฉบับสังคมอเมริกัน (1)

มีหลายคนที่ติดตามข่าวราชวงศ์อังกฤษสงสัยว่า อะไรทำให้แฮโรลด์ มาร์เคิล หรือเจ้าฟ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ หรือ เจ้าชายเฮนรี ชาลส์ อัลเบิร์ต เดวิด พระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรผู้สูงศักดิ์กลายเป็นเจ้าชายจอมแฉ จนยอมสร้างและขายคอนเทนต์ของตัวเองและครอบครัวแลกกับเงินมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นราวที่ขุดคุ้ยออกมาให้ชาวโลกได้รับรู้ทั้งผ่านการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ ซีรีส์ทาง Netflix แฮรี่และเมแกน (Harry&Megan) มาจนถึงการตีพิมพ์หนังสือ Spare ที่แปลว่าตัวสำรอง!

บีบีซีบอกว่า “Spare บันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี สร้างความสั่นสะเทือนต่อสถาบันกษัตริย์ของอังกฤษ ก่อนการวางจำหน่ายฉบับภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 มกราคมนี้ เนื้อหาในหนังสือหลายเรื่องที่ การ์เดียน สื่ออังกฤษ และ นิวยอร์กโพสต์ สื่ออเมริกัน เผยแพร่ออกมาเมื่อ 5 ม.ค. อีกทั้งโฆษณาตัวอย่างบทสัมภาษณ์พิเศษของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีของอังกฤษกับเจ้าชายแฮร์รี ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สุดของสื่อในอังกฤษ ตั้งแต่หนังสือพิมพ์แนวสีสันของอังกฤษ ไปจนถึงบีบีซี”

บางคนก็สงสัยว่า ที่พระองค์ออกมาทำอะไรแบบนี้ เป็นเพราะปมตัวสำรอง (Spare ตามชื่อปกหนังสือเล่มล่าสุด) จนทำให้อิจฉาพี่ชายที่จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ก่อนตามลำดับ จนมาได้เมียจอมบงการที่ศีลเสมอกัน และท้ายที่สุดตัวเลขมหาศาลแลกกับเนื้อหาที่ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อนของราชวงศ์ที่มีผู้ติดตามข่าวมากที่สุดในโลก

จากเจ้าชายผู้สูงส่งแห่งราชวงศ์อังกฤษ สู่จอมแฉในแบบฉบับสังคมอเมริกัน (1)

แต่เราจะรู้ได้ไงว่า อะไรคือเรื่องจริง เพราะนี่คือการฟังความข้างเดียวของคนที่พร้อมจะขุดคุ้ยเรื่องของตัวเองและครอบครัวมาขาย ในขณะที่สมาชิกครอบครัวอีกฝั่งที่ถูกกล่าวหากลับนิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้ตามกฎของราชวงศ์ “ไม่บ่น ไม่อธิบาย” (never complain, never explain)

เจ้าชายกล่าวโทษสื่ออังกฤษว่าทำลายชีวิตส่วนพระองค์ แต่ตอนนี้พระองค์กลับใช้สื่อที่พระองค์อ้างว่ารังเกียจ มาทำลายตัวเองด้วยเนื้อหาที่ชวนกระอักกระอ่วนใจในหนังสือ Spare เพราะทั้งหมดที่ทำไป ก็ล้วนสะท้อนทัศนคติด้านในตัวเองลึกๆ ที่มีต่อครอบครัว ไม่ว่าจะลบหรือบวก แต่ดูเหมือนชาวโลกจะได้รับรู้เรื่องราวลบๆ ทั้งเรื่องการใช้ยาเสพติด กัญชา เห็ดเมา ปมตัวสำรองพี่ชายที่คนเป็นน้องนำรายละเอียดมาเปรียบเทียบในแง่มุมต่างๆ  ตั้งแต่ เรื่องของการนั่งเครื่องบินที่ว่า พ่อกับพี่ชายต้องนั่งเครื่องบินคนละลำด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่ไม่มีใครสนใจว่า ‘ตัวสำรอง’ จะไปกับใคร ไปจนถึงการเปรียบเทียบเรื่องที่อยู่อาศัย

จากเจ้าชายผู้สูงส่งแห่งราชวงศ์อังกฤษ สู่จอมแฉในแบบฉบับสังคมอเมริกัน (1)

และเรื่องที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ คำกล่าวอ้างในบันทึกนี้ที่ว่า เจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐาทำร้ายร่างกายพระองค์ต่อหน้าเมแกน พระชายา ไปจนถึงการตราหน้าพี่ชายว่า เป็น "ศัตรูตัวฉกาจ" (ARCH-NEMESIS) ที่ตัวเองต้องแข่งขันอยู่ตลอด เพราะมีสถานะแค่ "ตัวสำรอง" เท่านั้น (ตอนที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ Good Morning America เจ้าชายแฮรี่พยายามส่งสัญญาณความรู้สึกที่มีต่อพี่ชายว่า เป็นทั้งพี่ชายที่รัก และศัตรู อันเป็นผลมาจากการที่ตัวเองเป็นแค่ตัวสำรองของพี่ ที่เป็นรัชทายาทผู้สืบทอดราชบังลังก์)
 

เนื้อหาใน Spare  ที่หลุดรั่วออกมาเกือบหมดเล่ม (416 หน้า) มีตอนที่เขียน บรรยายภาพตอนที่เมแกนไปถึงที่ประทับของบ้านเวลส์ (ของ Prince of Wales - เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคท) ว่าถึงกับอ้าปากค้าง เพราะความล้ำค่าของสถาปัตยกรรม ศิลปะบนผนัง เฟอร์นิเจอร์ และหนังสือที่มิอาจประเมินค่าได้ จนต้องร้อง "ว้าว" ออกมาซ้ำๆ

เจ้าชายบอกว่า พระองค์และเมแกนคิดกันเองว่า ที่ประทับของบ้านเวลส์จะมีพวกโคมไฟกับเฟอร์นิเจอร์ของ Ikea เหมือนอย่างที่ตัวเองเพิ่งจะซื้อตอนเซล ด้วยบัตรเครดิตของเมแกน ผ่านทางเว็บไซท์ sofa.com เป็นคำพูดที่สื่อวิจารณ์ว่า เจ้าชายแฮรี่ทำเหมือนกับไม่เคยไปฝั่งที่ประทับของพี่ชายและไม่เคยวิ่งเล่นในวังเคนซิงตันมาก่อน 

ส่วนหนักที่สุด ทัวร์ลงมากที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องของเนื้อหาใน Spare ที่ถูกมองว่า คือการเขียนเป้าสังหารตัวเอง! ด้วยการนำความลับทางทหารมาเปิดเผยในเชิงโอ้อวดว่า ตัวเองสังหารนักรบตาลีบันในอัฟกานิสถานไปถึง 25 คน!

พันตรีริชาร์ด เคมป์ อดีตทหารแห่งกองทัพอังกฤษ บอกว่า การตัดสินใจเผยรายละเอียดในปฏิบัติการทางทหารของปริ๊นซ์แฮร์รี คือ "การทรยศต่อคนที่ไปร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ด้วย" และยังเตือนด้วยว่า การทำแบบนี้ เหมือนการเขียนเป้าไว้ที่หลังตัวเอง เพราะบักกิงแฮมเลิกรับผิดชอบการอารักขาความปลอดภัยให้ปริ๊นซ์แล้ว นับตั้งแต่ไม่ยอมแบ่งเบาภารกิจของราชวงศ์ การเอาเรื่องลับมาขาย คือการทำลายความปลอดภัยของตัวเอง ไม่ต่างอะไรกับการยิงขาตัวเอง เพราะมันจะปลุกเร้าคนที่อยากแก้แค้น และพยายามจะลงมือด้วย

ขณะที่พันตรีบ๊อบ สจ๊วต อดีตผู้บัญชาการทหารอังกฤษในบอสเนีย ที่เคยได้เครื่องราชฯ "Distinguished Service Order" ปัจจุบัน เป็น ส.ส.พรรคอนุรักษ์นิยม ใช้คำว่า "น่ารังเกียจ"

เขาบอกว่า "เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ดูเหมือนผู้ชายที่มีความได้เปรียบทุกสิ่งอย่างในชีวิต เจตนาทำลายตัวเองและสถาบันฯ” และ “ผมก็แค่คิดว่า มันน่าเศร้าเพราะมีคนอีกมากที่ไม่มีโอกาสในชีวิตแบบเดียวกับปริ๊นซ์แฮร์รี มันก็เลยน่าเศร้าสลดไปหมด" 

หากนี่คือการวางหมากและวางแผนขายคอนเทนต์และสร้างแบรนด์ “แฮรี่และเมแกน” ให้ชาวโลกได้รู้จักเพื่อหวังถึงประโยชน์โภชผลต่อไปในอนาคต ทั้งสองคนก็อาจเริ่มต้นได้ไม่สวยนัก เพราะแทนที่ชาวโลกจะสงสารและเข้าใจ “แฮรี่และเมแกน” กลับเทใจไปสงสารเจ้าชายวิลเลี่ยมและสมาชิกราชวงศ์ทั้งหลายที่โดนเสียบกันไปถ้วนหน้าแทน หนักสุดคือเจ้าชายวิลเลี่ยม ตามมาด้วยเคท คิงชาร์ล ควีนคามิลล่า ที่ล้วนมีสตอรี่ในหนังสือเล่มนี้

ในสังคมอเมริกันอาจมีการแฉกันเป็นเรื่องปกติ การสร้างคอนเทนต์เรื่องราวของตัวเองและครอบครัวเป็นรายการเรียลิตี้สุดขั้วแบบครอบครัวคาดาเชียนก็อาจเป็นเรื่องปกติ แม้ในบางสังคมมันอาจคือเรื่องไร้สาระ แต่เรื่องราวของชนชั้นสูงระดับราชวงศ์ไม่ค่อยมีใครนำมาเปิดเผยนัก

มีคำถามมากมาย อะไรทำให้ปรินซ์แฮรี่ต้องทำขนาดนี้  ลามไปถึง “ความเมแกน” ที่ต้องกลายเป็นนางมารร้ายที่อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง

แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เราก็ยังได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียวอยู่ดี

จากเจ้าชายผู้สูงส่งแห่งราชวงศ์อังกฤษ สู่จอมแฉในแบบฉบับสังคมอเมริกัน (1)

SPARE มาจากไหน?

หนังสือเล่มนี้ เจ้าชายแฮรี่ไม่ได้เขียนเอง แต่ให้ "เจ.อาร์. โมริงเกอร์" นักเขียนผี ระดับมือรางวัล "Pulitzer" เขียนแทน โดยที่สำนักพิมพ์ Penguin Random House จ่ายค่าเหนื่อยให้ 1 ล้านดอลลาร์ มาเรียบเรียงให้ ส่วนปริ๊นซ์แฮร์รีได้ 20 ล้านดอลลาร์ 

หนังสือมีกำหนดวางขายวันที่ 10 มกราคมนี้ และตอนนี้อยู่อันดับ 2 ใน best-seller ของ Amazon จากยอด pre-sales ในอเมริกาเหนือและสหราชอาณาจักร

ราคาในสหรัฐฯ อยู่ที่ 22.40 ดอลลาร์ ส่วนที่สหราชอาณาจักร 14 ปอนด์ ปกแข็งจะวางขายที่ร้านหนังสือใน UK ตั้งแต่วันอังคารหน้า ส่วนเวอร์ชั่น e-book สามารถดาวน์โหลดได้ที่ Kindle หลังเที่ยงคืนของวันเดียวกัน มีรายงานว่า ทำออกมา 16 ภาษา รวมทั้ง จีน ฟินแลนด์ ฮังการี สเปนและโปรตุเกส

มีข่าวว่า Penguin Random House ต้องกำหนดการจัดส่งหนังสือไปตามร้านในนาทีสุดท้าย เพื่อหลีกเลี่ยง "การรั่วไหลของสำเนาโดยไม่ได้รับอนุญาต"  มีการอารักขาสถานที่เก็บหนังสือทั่วโลกก่อนวางจำหน่าย แต่ The Guardian ก็ไปเอามาจนได้

ตอนนี้ Penguin Random House ตั้งความหวังว่าจะขายหนังสือได้มากกว่า 1.7 ล้านเล่ม หลังเดิมพันด้วยเงิน 20 ล้านดอลลาร์ ที่ปริ๊นซ์จะต้องออกหนังสือทั้งหมด 4 เล่ม (ไม่ใช่แค่เล่มนี้เล่มเดียว) 

จากเจ้าชายผู้สูงส่งแห่งราชวงศ์อังกฤษ สู่จอมแฉในแบบฉบับสังคมอเมริกัน (1)

รายได้ของ Harry&Megan มาจากไหนบ้าง?

บีบีซีเปิดเผยว่า รายได้ของทั้งสองคนมาจาก:

รายการโทรทัศน์และพอดแคสต์

บริษัทผลิตสื่อของทั้งคู่ที่ชื่อ Archewell Productions ทำสัญญามูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อผลิตรายการต่าง ๆ ออกฉายทางเน็ตฟลิกซ์

นอกจากนี้บริษัทยังผลิตพอดแคสต์ให้สปอติฟาย ซึ่งรวมถึงซีรีส์ที่ชื่อ Archetypes ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสตรีผู้มีชื่อเสียง

ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ประทานสัมภาษณ์พิเศษในรายการโทรทัศน์ของพิธีกรชื่อดัง โอปราห์ วินฟรีย์ เมื่อเดือน มี.ค. 2021 โดยไม่มีค่าตัว

หนังสือ

เมแกนมีผลงานหนังสือเด็กที่ชื่อ The Bench ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2021

ขณะที่หนังสือชื่อ Spare ซึ่งอาจแปลว่า "ตัวสำรอง" บอกเล่าพระประวัติเจ้าชายแฮร์รีจะตีพิมพ์วันที่ 10 ม.ค. 2023 ภายใต้ข้อตกลงการตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ สำนักพิมพ์ Penguin Random House จะบริจาคเงิน 1.3 ล้านปอนด์ และ 300,000 ปอนด์ให้แก่องค์กรการกุศลสองแห่งคือ Sentebale และ WellChild ตามลำดับ

ในเดือน มี.ค. 2021 เจ้าชายแฮร์รีได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในทีมงานบริษัทแนะแนวการใช้ชีวิต BetterUp ในรัฐแคลิฟอร์เนีย



 

ขอบคุณข้อมูลจาก:

bbcthai.com

เพจ : มารร้ายสายวัง