“เสนา”เปิดอนาคตขุมทรัพย์พลังงานแสงอาทิตย์ หวังเปลี่ยนหมู่บ้านและคอนโดให้เป็นปั๊มชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
“เสนา” วางอนาคตไว้และแบตเตอรี่ก็เป็น Generation ต่อไปที่ต้องจับตาดู แต่ที่แน่ๆ
ปัจจุบันการหาที่อยู่อาศัยทั้งที่เป็นบ้านเดี่ยว หรือ คอนโดมิเนียม มีทางเลือกมากมายตั้งแต่ราคาไม่แพงจนถึงระดับมหาเศรษฐีเท่านั้นจึงจะควักจ่ายได้ แต่โครงการพัฒนาหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมที่ได้นำพลังงานทดแทนอย่างการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาบ้าน เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์รูฟท็อป) เข้ามาเป็นออฟชั่นเสริมให้ลูกบ้านเป็นรายแรกต้องยกให้เป็นโครงการของ “บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA”
การติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ของ “เสนา” นับเป็นการต่อยอดจากธุรกิจ อสังหาฯ รายแรกของประเทศ โดยดำเนินงานผ่าน บริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ที่ดูแลทั้งการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดิน หรือโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิตไฟฟ้า 46.5 เมกะวัตต์ ในจังหวัดสระบุรี และ นครปฐม และ โซลาร์รูฟท็อป ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าหมายที่จะติดตั้งในทุกโครงการของเสนา โดยถือเป็นมาตรฐานสินค้า หรือ Standard Product และไม่ใช่เพียงแค่ติดที่หลังคาบ้าน แต่ติดตั้งในพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านและคอนโดมิเนียมด้วย
เหตุผลสำคัญที่ทำให้”เสนา”ก้าวมาสู่ธุรกิจดังกล่าว ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ หรือ SENA ผู้พัฒนาโครงการ ที่อยู่อาศัยบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ผู้ดำเนินโครงการหมู่บ้านใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (แผงโซลาร์เซลล์) เต็มรูปแบบรายแรกของไทย ได้ชี้ให้เห็นถึงอนาคตและประโยชน์ของ “พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์” ที่ไม่เพียงมีส่วนสำคัญในการลดภาวะโลกร้อน แต่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของผู้ที่อยู่อาศัยจะได้รับในปัจจุบันและอนาคต ที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอน แม้ว่าบางเรื่องอาจจะต้องอาศัยเวลาอีกระยะหนึ่งก็ตามแต่เทรนด์ทั้งหมดกำลังมาแล้วในต่างประเทศ
เบื้องต้นที่เห็นได้ชัดเจนสำหรับบ้านในโครงการที่พัฒนาขึ้นมานั้น การติดตั้งทั้งหมู่บ้านทำให้ต้นทุนไม่แพงเมื่อหารเฉลี่ยรวมกับต้นทุนก่อสร้างบ้านทั้งโครงการเสนา “แผงโซลาร์บนหลังคา” จึงคล้ายกับเป็นออฟชั่นเสริมเพิ่มเข้ามาอีกจากเดิมที่เมื่อลูกค้าซื้อบ้านก็จะมีการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศให้ ซึ่งผู้อยู่อาศัยที่เข้ามายังบ้านเสนาก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตอะไร ยังคงเหมือนเดิมแต่จะมีทางเลือกเพิ่มขึ้นจากการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวัน นอกเหนือจากการใช้ไฟฟ้าปกติที่จะต้องใช้ผ่านการไฟฟ้าเท่านั้น
ทั้งนี้การใช้ไฟจากโซลาร์รูฟท็อปจะช่วยประหยัดเงินมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าใช้ไฟช่วงใด โดยหากใช้ไฟกลางวันมากก็ย่อมประหยัดมากเพราะโซลาร์ทำงานตอนกลางวัน ในภาพรวม ถ้าเทียบกับการใช้ไฟฟ้าปกติแล้วจะช่วยลดได้เฉลี่ย 10% - 15% แต่ขณะเดียวกันค่าส่วนกลางของหมู่บ้าน หรือคอนโดมิเนียมที่มีการติดตั้งโซลาร์ผลิตไฟใช้เองก็จะนำมาประหยัดค่าส่วนกลางให้กับผู้อาศัยได้อีกต่อหนึ่ง ถ้าเทียบกับการไม่ติดตั้งโซลาร์
“เรามี Application เรียกว่า SENA 360° SERVICE คือเป็น Application ที่เอาไว้ดูแลลูกค้าหลังการขายโดยจะมีโซลาร์อยู่ในนั้นด้วย ถ้าลูกค้าต้องการจะดูว่าวันนี้บ้านฉันผลิตไฟจากโซลาร์ได้กี่บาทแล้ว มันเซฟต้นไม้ไปกี่ต้น เรามีแสดงให้ในมือถือคุณแบบ Real Time ทุกนาที เพราะเราขายไลฟ์สไตล์(Lifestyle ) คือคุณแค่เปลี่ยน lifestyle นิดนึง ตรงที่บ้านคุณสามารถใช้ไฟได้ทุกอย่างปกติ แต่ที่เปลี่ยนนิดเดียวตรงที่ว่าเผอิญบ้านเสนาเนี่ย ทำให้คุณสามารถจะใช้ไฟจากที่เป็นโซลาร์แล้วเราให้คุณฟรี เพราะฉะนั้นค่าไฟคุณจะถูกลง เพราะบังเอิญพระอาทิตย์ฟรี แล้วคุณจะเข้าใจมันได้จากไหน จากมือถือที่เราให้ว่าวันนี้คุณเซฟไปกี่บาท เดือนนี้คุณเซฟไปกี่บาท แล้วคุณรักษ์โลกด้วยการปลูกต้นไม้เพิ่มไปแล้วกี่ต้น” ดร.เกษรากล่าว
อย่างไรก็ตามขณะนี้รัฐบาลโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มีนโยบายที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าหรือ EV โดยรัฐกำหนดไว้ในแผนว่าจะส่งเสริมให้เกิดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ 1.2 ล้านคันในปี 2579 ทำให้หลายฝ่ายต่างก็กำลังพัฒนาทั้งสถานีบริการน้ำมันที่จะมีจุดชาร์จไฟนำร่องให้ การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า เช่น รถเมล์EV ฯลฯ
แน่นอนว่า “เสนา” มองอนาคตในจุดนี้ไว้แล้ว และกำลังศึกษาเรื่องเกี่ยวกับแบตเตอรี่ เนื่องจากกระแสของโลกเองก็กำลังเร่งพัฒนาแบตเตอรี่ที่จะสามารถสะสมพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเสนาได้ทดลองใช้อยู่และอาจนำมาต่อยอดกับการตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า (EV Station) ในอนาคตไดนี่คือสิ่งที่ “เสนา” วางอนาคตไว้และแบตเตอรี่ก็เป็น Generation ต่อไปที่ต้องจับตาดู แต่ที่แน่ๆ รัฐเองได้ให้การสนับสนุนทั้งพลังงานจากแสงอาทิตย์โดยเปิดตัวโครงการนำร่องโซลาร์รูฟเสรีที่เปิดโอกาสให้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้อย่างเสรี ในเดือนสิงหาคมนี้ เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่หน่วยงานภาครัฐทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ฯลฯ ล้วนกำลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดขึ้น “อนาคต” คนไทยจะมีทางเลือกสำหรับการใช้พลังงานเหล่านี้อย่างแน่นอน