วธูธร จับมือ เซ็นทรัลแล็บ และ Beautynista.com ลงนาม MOU ยกระดับวงการเครื่องสำอางไทยให้ได้มาตรฐานสากล
นายทัตภณ จีรโชตินันท์ ประธานกรรมการผู้บริหาร บริษัท วธูธร จำกัด ร่วมกับ พันโทนราวิทย์ เปาอินทร์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นทรัลแล็บไทย และ นายวรวุฒิ สายบัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้ นิสต้า จำกัด (เว็บไซต์ Beautynista.com) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ภายในงานสัมมนา “CEO Cosmetic : Operation Masterclass ระบบหลังบ้านเครื่องสำอางออนไลน์ ปิดทางเจ๊ง เปิดทางรวย ปั้นยอดสวยแบบมืออาชีพ” ณ โรงแรมไมด้า แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ
นายทัตภณ จีรโชตินันท์ ประธานกรรมการผู้บริหาร บริษัท วธูธร จำกัด เผยว่า “ปัจจุบันธุรกิจเครื่องสำอางได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทยในปีที่ผ่านมา 2561 พบว่ามูลค่าการตลาดรวมของเครื่องสำอางสูงกว่าสองแสนล้านบาท ทำให้มีโรงงานผู้ผลิตเครื่องสำอางเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก บริษัท วธูธร จำกัด ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเราเป็นหนึ่งในโรงงานที่ได้นำมาตรฐาน GMPPlus+ หมายถึงมาตรฐาน Asean GMP และมาตรฐาน ISO22716 (GMP) มาใช้ในกระบวนการผลิตเครื่องสำอางของโรงงาน นอกจากนั้นเรายังได้รับมาตรฐาน ISO 9001(2015) มาตรฐาน HALAL และมาตรฐานโรงงานสีเขียว Green Industry โดยในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ เซ็นทรัลแล็บ และ เว็บไซต์ Beautynista.com ในครั้งนี้เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง โดยเครื่องสำอางที่ผลิตจากบริษัท วธูธร จะมีการส่งตรวจหาสารปนเปื้อนและสารห้ามใช้ในเครื่องสำอางให้มีมาตรฐานในระดับสากล เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคมากขึ้น
นอกจากพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง MOU แล้ว ในครั้งนี้เรายังได้จัดงานสัมมนาให้ความรู้กับผู้ประกอบการ โดยทางวธูธรเล็งเห็นความสำคัญของการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจเครื่องสำอางให้กับผู้ประกอบการ เราจึงก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ ชื่อว่า วธูธร บิสิเนส สคูล มีคอร์สการอบรมสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเครื่องสำอางและ ผลิตภัณฑ์ความงาม โดยเริ่มต้นหลักสูตรแรกร่วมกับ บริษัท บิวตี้ นิสต้า จำกัด ในชื่อ “CEO Cosmetic : Operation Masterclass ระบบหลังบ้านเครื่องสำอางออนไลน์ ปิดทางเจ๊ง เปิดทางรวย ปั้นยอดสวยแบบมืออาชีพ” ซึ่งกล่าวถึงวิธีการวาง “ระบบหลังบ้าน” ของธุรกิจเครื่องสำอางให้เจ้าของแบรนด์มีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยปูพื้นฐานตั้งแต่แนวโน้มการเติบโตและทิศทางของธุรกิจเครื่องสำอางในปัจจุบัน กลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ การเข้าใจพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของลูกค้า วิธีการตั้งราคาสินค้า การคำนวณต้นทุนตั้งแต่กระบวนการผลิตจนกระทั่งการจัดจำหน่าย วิธีการวางโครงสร้างโปรโมชั่นในแต่ละช่องทางการขายอย่างไรไม่ให้ขาดทุน รวมไปถึงวิธีวัดผลกำไรทางธุรกิจ และ วัดผลประสิทธิภาพการทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งความรู้เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาศักยภาพและสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการออกไปแข่งขันในตลาดจริง ทำให้การสร้างแบรนด์มีโอกาสประสบความสำเร็จและเติบโตได้ในระยะยาว
พันโทนราวิทย์ เปาอินทร์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นทรัลแล็บไทย กล่าวว่า “เซ็นทรัลแล็บเป็นหน่วยงานห้องปฎิบัติการกลางของภาครัฐ ที่มีหน้าที่ในการทดสอบมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของสากลระหว่างประเทศ และการสนับสนุนภาครัฐด้านการทดสอบวิเคราะห์และตรวจรับรองมาตรฐานการผลิตต่าง ๆ รวมไปถึงมาตรฐานของ อย. เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับว่าใช้เครื่องสำอางเหล่านี้แล้วไม่อันตราย โดยในการลงนาม MOU กับ วธูธร นับเป็นโอกาสดี เนื่องจากเป็นบริษัทผู้ผลิตที่มีมาตรฐานระดับสากล ที่จะได้ผลักดันสินค้าที่ดี และส่งเสริมผู้ประกอบการ ที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่น เมื่อผู้ผลิตผลิตสินค้าที่ดีแล้ว ผู้บริโภคก็จะนำไปใช้ได้อย่างมั่นใจอีกด้วย ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเป็นการต่อยอดไปกับการพัฒนามาตรฐานการผลิตในธุรกิจ OEM เพื่อที่ผู้ประกอบการอื่น ๆ จะได้มีการพัฒนาตนเองในด้านมาตรฐานได้มากขึ้นอีกด้วย”
ทางด้าน นายวรวุฒิ สายบัว กรรมการสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (Thailand e-Commerce Association) และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ นิสต้า จำกัด (เว็บไซต์ Beautynista.com) กล่าวต่อว่า “Beautynista.com เป็นแพลตฟอร์มเว็บไซต์ค้าปลีกเครื่องสำอางออนไลน์ รวมไปถึงการให้คำปรึกษาด้านการบริหารแบรนด์ การเลือกผู้ผลิต และการวางแผนการตลาด การผลิตคอนเทนต์ และการจัดหาช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งแบบออนไลน์ และออฟไลน์แบบครบวงจร ซี่งจุดเด่นของเรา คือ ความเชี่ยวชาญในการ “สร้างความน่าเชื่อถือ” ให้กับแบรนด์ ผ่านการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือและคอยกำกับดูแลธุรกิจเครื่องสำอางไทยมาโดยตลอด เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น
โดยการลงนาม MOU ในครั้งนี้เป็นการร่วมมือของ 3 หน่วยงาน ที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจและได้รับสินค้าที่ปลอดภัย โดยกระบวนการตรวจสอบตั้งแต่ผลิตจนกระทั่งการจัดจำหน่าย ทำให้เจ้าของแบรนด์มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดเครื่องสำอางที่มีความดุเดือดมากขึ้น การร่วมมือในครั้งนี้เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการออกจากสงครามราคา เพราะเราจะช่วยกันผลักดันสินค้าที่น่าเชื่อถือออกไปทำให้ยั่งยืนในโลกออนไลน์มากขึ้น
นายวรวุฒิ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมอยากปลูกฝังให้ผู้ประกอบการ มีความตั้งใจในการสร้างแบรนด์อย่างมีความรู้ที่ถูกต้อง ไม่อยากฉาบฉวยในการทำธุรกิจ อย่ามองแต่ภายนอกว่า ธุรกิจนี้ดูสวยงาม มีเงินหมุนเวียนมหาศาล แล้วอยากกำเงินมาเพื่อทำเครื่องสำอางและทำธุรกิจอย่างไม่มีจรรยาบรรณ ซึ่งธุรกิจนี้มีเงินหมุนเวียนมหาศาลมากก็จริงแต่คนที่เข้ามา แบบไม่มีความรู้ ก็ล้มหายตายจากไปอย่างรวดเร็ว เพราะไม่รู้ว่าการอยู่ให้รอดในธุรกิจนี้ต้องทำอย่างไร นั่นหมายความว่า ความแตกต่างของสินค้า และ สารสกัด ไม่ใช่สิ่งที่เพียงพอต่อการสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จในเวลานี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องมีมากกว่านั้น คือ ทักษะด้านการบริหารธุรกิจ การสร้างแบรนด์ การสร้างความน่าเชื่อถือ และ การปรับตัวให้ทันกับสภาพตลาดและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการสร้างแบรนด์แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ง่ายแต่ไม่ง่าย และที่สำคัญ คือ ต้องอาศัยความอดทนจนกว่าจะประสบความสำเร็จ”
สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวได้ที่ www.wathoothorn.com