เอ. เมนารินี ยักษ์เงียบที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

เอ. เมนารินี (A. Menarini) ชื่อที่คนทั่วไปไม่คุ้นหูนี้คือบริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ถือกำเนิดจากร้านขายยาเล็ก ๆ ในประเทศอิตาลีเมื่อกว่า 130 ปีที่แล้ว เริ่มขยายธุรกิจสู่ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว และเข้ามาดำเนินธุรกิจในเมืองไทยมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยปัจจุบัน จากข้อมูลของสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ หรือ พรีม่า (Pharmaceutical Research and Manufacturers Association หรือ PReMA)  เอ.  เมนารินีเป็นบริษัทยาข้ามชาติขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 12 และอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุดในตลาดประเทศไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

โธมัส สก็อต เบอร์ซิงเกอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ. เมนารินี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “แนวทางการดำเนินธุรกิจของเรามีทั้งรูปแบบการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง และการสร้างพันธมิตรผู้นำในธุรกิจยารายอื่นๆ  ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีประสิทธิภาพ เรามีหน่วยงานวิจัยและพัฒนาซึ่งทำการศึกษาตั้งแต่การพัฒนาโมเลกุล การวิจัยทางคลินิกในทุกระยะ จนถึงการพัฒนาเป็นยารักษาโรค ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์อันแข็งแกร่งครอบคลุมตั้งแต่ กลุ่มยาแก้ปวด/อักเสบ กลุ่มยารักษาโรคหัวใจ/ความดัน กลุ่มยาระบบทางเดินหายใจ กลุ่มยาสำหรับผิวหนัง และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม”

เอ. เมนารินี ยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการให้ความรู้กับเพทย์ และเภสัชกร เกี่ยวกับคุณสมบัติของผลิตภภัณฑ์และการใช้ยาอย่างเหมาะสม โดยมีการจัดสัมมนาเป็นประจำทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมืองสำคัญ ๆ   

เมื่อกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ตัวเด่น ๆ ของ เอ. เมนารินี เชื่อแน่เป็นที่รู้จักดี นั่นคือ สเปรย์พ่นคอ คามิโลซาน (Kamillosan) และยาละลายเสมหะ แนคลอง (Nac-Long) ซึ่งทั้งสองผลิตภัณฑ์ต่างเป็นผู้นำตลาดที่มีส่วนแบ่งการตลาดเหนือกว่าคู่แข่งแบบทิ้งห่างกันไกลทีเดียว โดยเฉพาะคามิโลซาน มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 80% ในกลุ่มสเปรย์พ่นคอ และหากพิจารณาในตลาดกลุ่มสเปรย์พ่นคอ รวมกับกลุ่มยาอมแก้เจ็บคอระคายคอ ก็ยังคงเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้วยสัดส่วนเกือบ 40%  และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตในระดับเลขสองหลักมาตลอดช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนแนคลอง ก็มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 20% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ผลิตภัณฑ์อีกตัว ที่กำลังเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นคือ  เดอมาร์ทิกซ์ (Dermatix) ยาลดรอยแผลเป็น ซึ่งมีจำหน่ายในเมืองไทยมากว่า 8 ปีแล้วและเป็นที่ยอมรับอย่างดีในด้านประสิทธิภาพ แต่เพิ่งมีการทำการตลาดและโฆษณามากขึ้น

และผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่เอ. เมนารินี่กำลังเริ่มทำการตลาดอย่างจริงจังคือ ไบแล็กซ์เทน (Bilaxten) ซึ่งเป็นยาแก้ภูมิแพ้ ใช้แล้วไม่เกิดอาการง่วง เพราะตัวยาไม่ผ่านเข้าสู่สมอง โดยผ่านการทดสอบในนักบินในสภาวะจำลองการปฏิบัติภาระกิจมาแล้ว ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์มี่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งด้วยความโดดเด่นในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย

“แนวทางในอนาคตของเราคือ การมุ่งขยายไลน์ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง การพัฒนาปรับปรุงสูตรผลิตภัณฑ์ การเพิ่มเอสเคยูใหม่ ๆ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สะดวกต่อการใช้งาน บริโภคได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์สำคัญตัวใหม่ที่เอ. เมนารินี่กำลังวิจัยพัฒนาอยู่คือยาปฏิชีวนะสำหรับคนไข้ดื้อยาในโรงพยาบาล และยารักษามะเร็ง โดยเริ่มจากมะเร็งเม็ดเลือด”  โธมัสกล่าวทิ้งท้าย