More Meat อร่อยแบบไทยๆ ในแบบ Plant-based

หนึ่งในทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพที่เป็นเทรนด์ฮิตติดกระแสโลกทุกวันนี้ คือ Plant-based food หรืออาหารมากด้วยโปรตีนที่ผลิตจากพืช ปราศจากไขมัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือปริมาณคลอเรสเตอรอลในร่างกาย โดยหลายๆ แบรนด์ทั่วโลกได้มีการทำวิจัยและพัฒนาอาหารประเภทนี้ให้ถูกปากผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

“รูป รส กลิ่น เสียง คือเสน่ห์ของอาหาร ที่ทำให้เรามีความสุขในการรับประทาน โดยเฉพาะอาหารไทยที่เราคุ้นเคยกันตั้งแต่เกิด สำหรับโปรตีนจากพืชที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ตลาดในเมืองไทยเท่าที่ควร” คุณกัญญ์วรา ธนโชติวรพงศ์ CEO บริษัท มอร์ฟู้ดส์ อินโนเทค จำกัด กล่าว

บริษัท มอร์ฟู้ดส์ อินโนเทค จำกัด คือ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโปรตีนจากพืชภายใต้แบรนด์ ‘มอร์มีท’ ที่ก่อตั้งขึ้นภายหลังจากบริษัทฯ มองเห็นช่องว่างในธุรกิจเดิมของครอบครัวซึ่งนำเข้าเนื้อที่ผลิตจากพืชมาขายในประเทศไทย โดยพบว่า สูตรในการผลิตของบริษัทต่างประเทศมีการปรุงแต่งด้วยสารเคมี และผ่านหลายขั้นตอนการผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบในเรื่องรสชาติและสุขภาพของคนไทย

“ประเทศไทยมีอัตราผู้ป่วยโรคไตและแนวโน้มในการเกิดโรคค่อนข้างสูง เนื่องจากเราเคยชินกับการปรุงอาหารด้วยน้ำปลา เนื้อที่ทำจากพืชส่วนใหญ่จะมีการเติมโซเดียมลงไป ทำให้เมื่อนำมาปรุงในครัวไทย ความเค็มจากเนื้อจะทำให้อาหารที่ทำผิดรสผิดกลิ่น” คุณกัญญ์วรา กล่าว

เพื่อเป็นการตอบโจทย์ตลาด ผู้ก่อตั้งบริษัท มอร์ฟู้ดส์ อินโนเทค จึงได้ติดต่อทีมงานวิจัยด้านโภชนาการ ในการคิดค้นโปรตีนจากพืชสูตรใหม่ เพื่อนำออกสู่ตลาด โดยเริ่มต้นจากการใช้หมี่กึงหรือโปรตีนที่ผลิตจากแป้ง ซึ่งมีรสชาติดี แต่ทำให้เกิดอาการท้องอืด ในขณะที่โปรตีนเกษตรนั้น มีสารอาหารไม่เพียงพอ ‘มอร์มีท’ จึงออกสำรวจวัตถุดิบที่เหมาะสมและค้นพบว่า เห็ดที่ขึ้นอยู่บนต้นยางพาราในภาคใต้ หรือ ‘เห็ดแครง’ คือวัตถุดิบที่เหมาะสมที่สุดในการนำมาแปลงเป็นโปรตีน

คุณกัญญ์วรา เผยว่า “การเพาะเห็ดแครงนับได้ว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่วิสาหกิจเกษตรกรทางภาคใต้ส่งเสริม เพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มเติมจากการกรีดยาง เส้นใยของเห็ดแครงมีความเหนียวนุ่มคล้ายเนื้อสัตว์ มีโปรตีนสูง รวมไปถึงเบต้าแคโรทีนที่ช่วยบำรุงสมองและพัฒนาภูมิคุ้มกัน”

หลังจากได้วัตถุดิบในการผลิต การเพิ่มคุณค่าให้กับโปรตีนจากพืชชนิดนี้ จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีมาช่วยส่งเสริม เพิ่มมูลค่าให้ ‘เห็ดแครง’ เหมาะสมกับการต่อยอดทางธุรกิจ ทีมงานจึงได้เข้าร่วมในโครงการ SPACE-F ที่จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA โดยได้รับความรู้ด้านเทคโนโลยีอาหาร หรือ ฟู้ดเทค (food tech) เพิ่มเติมจากการคิดค้นผลิตภัณฑ์

นอกจากนี้ มอร์มีทได้นำสารกัดจากพืช หรือ bioactive compound มาผสมลงไปในเนื้อเห็ดแครง เพื่อเป็นการสร้างรสชาติ กลิ่น หรือแม้กระทั่งเสียงขณะลงกระทะ ให้ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์จริงๆ มากที่สุด เป็นการสร้างประสบการณ์ให้นักชิมชาวไทยมีความสุขกับอาหารที่พวกเขาได้ลงมือทำเองในรสชาติที่ต้องการ

“เรามีความตั้งใจอยากให้คนไทยเปิดใจกับโปรตีนจากพืชมากขึ้น เราได้มีการปรับราคาให้สมเหตุสมผล แม้ราคาอาจจะแพงกว่าเนื้อหมูเล็กน้อย แต่คุณค่าทางอาหารใกล้เคียงกัน ด้วยไขมันที่ต่ำกว่า การได้เข้าร่วมโครงการส่งต่ออาหารส่วนเกินให้กับชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือ Scholars of Sustenance (SOS) ด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ของเราให้คนในชุมชนต่างๆ ได้นำไปปรุงและแจกจ่ายกัน ซึ่งทำให้เราเห็นว่า โปรตีนจากพืชของมอร์มีทสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารจานโปรดอย่างผัดกระเพราได้อร่อยเช่นกัน”

นอกจากนั้น การเข้าร่วมในโครงการของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)  ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทำให้เห็นถึงแนวทางในการเป็นสตาร์ทอัพที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยการเป็นผู้ผลิตที่มีความรับผิดชอบ ลดขั้นตอนการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อสภาวะโลกร้อน สำหรับมอร์มีท ส่วนเกินจากการผลิตเนื้อด้วยเห็ดแครงมีเพียงน้ำต้มเห็ดเท่านั้น ซึ่งทางมอร์มีทก็มีแผนในการนำมาอัพไซเคิลเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อไป

“เพราะทุกอย่างที่เราผลิตเป็นสิ่งใหม่ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาด เป็นเรื่องที่ท้าทาย เรามองว่า การเริ่มต้นของเราพร้อมๆ กับทีมวิจัยคนไทย จะมีส่วนช่วยในการผลักดันให้อาหารไทยที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ให้พัฒนาและเติบโตมากกว่าเดิม ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ และก้าวเข้าสู่เวทีโลก” กัญญ์วรา ธนโชติวรพงษ์ CEO บริษัท มอร์ฟู้ดส์ อินโนเทค จำกัด กล่าวทิ้งท้าย

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Startup Thailand Marketplace ของ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)