posttoday

DITP เดินหน้าเชิงรุกดันสินค้าไทยกว่า 2,500 แบรนด์ บุกตลาดออนไลน์ต่างประเทศ

20 กันยายน 2567

DITP เดินหน้าเชิงรุกดันสินค้าไทยกว่า 2,500 แบรนด์ บุกตลาดออนไลน์ต่างประเทศ ผ่านร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์มชั้นทั่วโลก สร้างมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท

DITP เดินหน้าเชิงรุกดันสินค้าไทยกว่า 2,500 แบรนด์ บุกตลาดออนไลน์ต่างประเทศ

     กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เดินหน้าเชิงรุกส่งเสริมผู้ประกอบการไทยร่วมกับแพลตฟอร์ม  อีคอมเมิร์ซชั้นนำระดับโลก ดันแบรนด์ไทยขยายตลาดต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มชั้นนำไปแล้วกว่า 2,500 แบรนด์ สร้างมูลค่ารวมกว่า 600 ล้านบาท ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครงการ TOPTHAI เร่งส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ไทย นำสินค้าไทยบุกเจาะตลาดออนไลน์ศักยภาพในต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้าขยาย ความร่วมมือกับแพลตฟอร์มชั้นนำให้ครอบคลุมอีกหลายภูมิภาคในปี 2568

     นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2567 กรมฯ ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครงการ TOPTHAI เพื่อเตรียมความพร้อมและให้ความรู้ผู้ประกอบการร่วมกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำรวมกว่า 10 ครั้ง ทั้งในกรุงเทพและส่วนภูมิภาค โดยแบ่งเป็นกิจกรรม Cross Border  E-Commerce ขายสนุกบุกตลาดโลก ที่ครอบคลุม 3 จังหวัดเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา รวมทั้ง กิจกรรมสัมมนาออนไลน์ให้ผู้ประกอบการในภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วประเทศสามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้จัดกิจกรรม DITP x…..: Next Step to Global ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะต่อยอดให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการเปิดหน้าร้านกับแพลตฟอร์มออนไลน์พันธมิตรชั้นนำของกรมฯ ผ่านการจัดสัมมนาให้ความรู้ ให้คำปรึกษา ร่วมกับ 6 แพลตฟอร์มชั้นนำ ได้แก่ Amazon JD.com Lazada Tmall และ Shopee และงาน TOPTHAI Cross Border E-Commerce Day 2024 กิจกรรมใหญ่ที่รวบรวมแพลตฟอร์มชั้นนำและหน่วยงานพันธมิตรอื่น ๆ ทั้งในด้านการเงินและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศรวม กว่า 30 บริษัท มาให้คำปรึกษาและจับคู่เจรจาจับคู่ธุรกิจเพื่อคัดเลือกสินค้าไทยวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม

     นายภูสิตฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ กรมฯ ได้ มีการยกระดับความร่วมมืออย่างเป็นทางการผ่านการลงนามในบันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อผลักดันสินค้าไทยให้สามารถขยายตลาดส่งออกผ่านแพลตฟอร์มชั้นนำใน 3 ประเทศสำคัญ ได้แก่ แพลตฟอร์ม Rakuten (ญี่ปุ่น) Amzon.com (สหรัฐฯ) และ LetsTango (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) และ ตั้งเป้าขยายความร่วมมือกับแพลตฟอร์มศักยภาพชั้นนำ อาทิ Pinkoi (ไต้หวัน/ ฮ่องกง/ ญี่ปุ่น) และ JD.com (จีน) รวมถึงตลาดศักยภาพอื่นให้เพิ่มมากขึ้น ในปี 2568 นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับแพลตฟอร์มพันธมิตรในการวางแผนกลยุทธ์ จัดแคมเปญประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายสินค้าบนร้าน TOPTHAI

     ในประเทศเป้าหมายร่วมกับ Amazon (สหรัฐฯ) Tmall (จีน) Klangthai (กัมพูชา) Shopee (มาเลเซีย) Blibli.com (อินโดนีเซีย) Rakuten (ญี่ปุ่น) และ Pinkoi (ไต้หวัน) รวมทั้งจัดกิจกรรมออกคูหาประชาสัมพันธ์ร้าน TOPTHAI และสินค้าไทยในรูปแบบ TOPTHAI Pavilion และ Pop-up Store ร่วมกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแบบ Offline to Online ภายในงานสำคัญต่าง ๆ ของกรมฯ ได้แก่ งาน The 4th China (Xiamen) International Cross-Border E-Commerce Expo (ICEIE) ณ เมืองเซี่ยเหมิน ประเทศจีน งาน Ignite Thailand Festival : Think Thailand, Next Level ณ Time Square นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ งาน BCG Thai Festive Fair 2024 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และงานแสดงสินค้า CAEXPO 2024 ณ เมืองหนานหนิง ประเทศจีน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคในประเทศเป้าหมายต่อสินค้าในร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น

     ปัจจุบัน กรมฯ ได้ดำเนินการโครงการร้าน TOPTHAI เข้าสู่ปีที่ 4 สามารถส่งเสริมผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมโครงการ TOPTHAI ผ่านแพลตฟอร์มพันธมิตรแล้วกว่า 2,500 แบรนด์ มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 600 ล้านบาท และ ในปี 2568 นี้ กรมฯ มีแผนผลักดันผู้ประกอบการให้สามารถขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยไปประเทศเป้าหมายผ่านร้าน TOPTHAI ให้เพิ่มขึ้นเป็น 3,000 แบรนด์ พร้อมตั้งเป้าดันยอดขายให้เพิ่มขึ้นเป็น 165 ล้านบาทต่อปี เพื่อสานต่อนโยบายรัฐบาลในการ “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ให้กับผู้ประกอบการไทยต่อไป