posttoday

Grab เปิดตัวแผน 3R สู่ Net Zero ตั้งเป้าใช้ EV 10% ในปี 2026

27 กันยายน 2567

Grab เดินหน้าแผน Net Zero ผ่านกลยุทธ์ 3R มุ่งใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 10% ภายในปี 2026 ขยายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าใน 5 จังหวัด พร้อมนำ AI คำนวณเส้นทางลดคาร์บอนและปลูกป่าชดเชยคาร์บอนในแม่ฮ่องสอน-กระบี่ มุ่งเป้าความยั่งยืนในอนาคต

          Grab โชว์แผนระยะสั้นภายใต้กลยุทธ์ 3R เดินหน้าสร้างความยั่งยืนไทย ตั้งเป้าส่งเสริมใช้ EV 10% บนแพลตฟอร์ม เร่งขยายใช้งานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไปยัง 5 จังหวัด นำเทคโนโลยี AI ช่วยคำนวณเส้นทาง ลดปล่อยคาร์บอน พร้อมปลูกป่าแม่ฮ่องสอน-กระบี่ ชดเชยคาร์บอน

          นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา Road to Net Zero 2024 The Extraordinary Green จัดโดย “ฐานเศรษฐกิจ”ภายใต้หัวข้อเรื่อง “B2C: The Green Logistics ยานยนต์ไฟฟ้าทางเลือกการขนส่งแห่งอนาคต” ว่าเป้าหมายระดับภูมิภาคของ Grab ตั้งสู่ Net Zero ในปี 2040

          แต่สำหรับแกร็บ ประเทศไทย ได้กำหนดเป้าหมายระยะสั้นไว้ในปี 2026 ภายใต้กลยุทธ์ 3R  ประกอบด้วย

          1.Reinforce: Grab ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างจริงจัง โดยมีแผนจะให้รถยนต์ไฟฟ้าครอบคลุม 10% ของรถที่ให้บริการบนแพลตฟอร์มภายในปี 2026 ในโครงการ Drive to Own ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนให้ผู้ขับขี่สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าได้ ด้วยโมเดลสินเชื่อแบบรายวันและการช่วยเหลือด้านไฟแนนซ์ นอกจากนี้ Grab ยังร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อจัดหารถ EV ในราคาที่เหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่บนแพลตฟอร์ม รวมถึงการสนับสนุนการติดตั้งอุปกรณ์ IoT ในรถ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ

          นอกจากการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว Grab ยังมุ่งเน้นการขยายการใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (e-motorcycle) ในระดับท้องถิ่น โดยได้ร่วมมือกับผู้ผลิตและผู้ให้บริการติดตั้งแบตเตอรี่ในหลายจังหวัด รวมถึงการวางจุดชาร์จไฟฟ้าตามจุดสำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่

          ล่าสุดได้ขยายการใช้งานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าไปยัง 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พัทยา ขอนแก่น นครราชสีมา และภูเก็ต โดยการขยายพื้นที่เหล่านี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในระดับท้องถิ่นและส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม

          2.Redesign: ปรับโมเดลธุรกิจของ Grab เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนและขยะพลาสติกจากการให้บริการ โดยได้ริเริ่มระบบ Matching เพื่อรวมงานขนส่งในเส้นทางเดียวกัน ลดการใช้พาหนะจำนวนมากในการส่งของและผู้โดยสาร ซึ่งจากการดำเนินงานดังกล่าวช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไปได้ถึง 27,000 ตันในช่วงปีที่ผ่านมา อีกทั้งการเพิ่มการใช้เส้นทางที่มีประสิทธิภาพด้วยการใช้ระบบแผนที่และเทคโนโลยีการนำทาง ลดเวลาการเดินทางและการปล่อยก๊าซที่ไม่จำเป็น

          3.Reforest: Grab ได้เริ่มโครงการปลูกป่าโดยให้ผู้ใช้แพลตฟอร์มมีส่วนร่วมในการบริจาคเงินเล็กน้อย ซึ่งเงินที่ได้จะนำไปปลูกป่าและอนุรักษ์ป่าในพื้นที่ต่างๆ โดยได้ร่วมมือกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมในการติดตามต้นไม้ทุกต้นที่ปลูก เพื่อให้มั่นใจว่าการปลูกป่ามีประสิทธิภาพและสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ผลสำเร็จที่ได้จากโครงการในช่วงปีที่ผ่านมา มีการปลูกต้นไม้ไปแล้วมากถึง 200,000 ต้น ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนและกระบี่ โดยจะยังคงขยายโครงการนี้ต่อไปเพื่อสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการรักษาสิ่งแวดล้อม

          นอกจากนี้ Grab ยังส่งเสริมการลดขยะพลาสติกในการสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์ม ด้วยการให้ลูกค้าเลือกไม่รับช้อนส้อมพลาสติก ผลจากการดำเนินการนี้ช่วยลดขยะพลาสติกได้มากถึง 800 ล้านชิ้นในปีที่ผ่านมา

          “ นายวรฉัตร  กล่าวต่อไปว่าจากการดำเนินกลยุทธ์ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Grab สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 70,000 ตัน ปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 280,000 ต้น และลดขยะพลาสติกได้มากกว่า 800 ล้านชิ้นจากการที่ลูกค้าเลือกไม่รับช้อนส้อมพลาสติกในการสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เพื่อมุ่งสู่การสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในอนาคต  “

          ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Grab ในการใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และการร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2040 ซึ่งไม่เพียงเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างคุณค่าให้กับผู้ใช้บริการและผู้ขับขี่ในแพลตฟอร์มอีกด้วย