แนะนำ สินทรัพย์สำหรับการเทรด และ Stochastic อีกหนึ่งเครื่องมือที่นิยมใช้ในการเทรด
ที่มาของรูป : https://pixabay.com/illustrations/sell-buy-trade-forex-trading-short-2983247/
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหลายคนคงเคยได้ยินกับคำว่า Forex กันมาพอสมควร บ้างก็เชื้อเชิญให้ลงทุนโลหะมีค่าอย่างทองคำหรือน้ำมันเพื่อหวังผลกำไรที่แสนจะงดงามและรวดเร็ว บ้างก็มีคนบอกให้ระวังว่าอาจทำให้ขาดทุน หมดตัวจนล้มละลายได้ แท้จริงแล้ว สินทรัพย์สำหรับการเทรด เหล่านี้คืออะไรกันแน่ สามารถลงทุนได้หรือไม่และผลตอบแทนจะเป็นเช่นไร ไปติดตามดูกันได้เลย
FOREX
FOREX (Foreign Exchange Market) หรือ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่มีการซื้อขาย แลกเปลี่ยนกันมานานนับหลายสิบปี แต่ยังไม่เปิดกว้างและได้รับความนิยมเท่ากับในยุคปัจจุบัน เมื่อก่อนโดยส่วนใหญ่จะสามารถทำได้ระหว่างสถาบันทางการเงินและคนที่ไปต้องเดินทางไปยังต่างประเทศ ยังไม่เข้าใจในรูปแบบของการเก็งกำไรในส่วนต่างของค่าเงินนั้นๆ แต่ด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลที่พัฒนามากยิ่งขึ้น ทำให้คนเห็นโอกาสและช่องว่าระหว่างส่วนต่างนี้สามารถที่จะทำกำไรจากการแลกเปลี่ยนเงินตราเหล่านี้ได้ เพราะทำผ่านระบบออนไลน์ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดฟอเร็กซ์เป็นสินทรัพย์สำหรับการเทรดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องที่มากที่สุดในโลก สามารถซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ได้ 5 วันต่อสัปดาห์ตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแค่สมัครและเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่ให้บริการ เช่น LITEFOREX ซึ่งมีค่าธรรมเนียมในการเทรดที่ถูกมาก ส่วนค่าเงินที่นิยมเทรดมากที่สุด ได้แก่ เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD), เงินปอนด์ (GBP), เงินยูโร (EUR), เงินเยน (JPY), เงินดอลลาร์แคนาดา (CAD), เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD)และเงินสวิสฟรังก์ (CHF) เพราะมีอัตราการแลกเปลี่ยนต่อวันที่สูงมาก
โลหะมีค่า
โลหะมีค่าเป็นอีกหนึ่ง สินทรัพย์สำหรับการเทรด ที่สามารถเทรดบนระบบออนไลน์ได้ มิใช่มีเพียงทองคำแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ยังมีแร่เงิน, แพลตินั่ม, พาลาเดียม แต่คนส่วนใหญ่รวมถึงคนไทยจะรู้แต่เพียงชนิดเดียวนั่นคือทองคำ เพราะทองคำสามารถซื้อและถือครองในรูปแบบทองคำแท่งได้ แต่ถ้าจะเทรดในระบบออนไลน์จะต้องเป็นทองคำที่คู่กับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐเท่านั้น ซึ่งจะใช้สัญลักษณ์ในการเทรดคือ XAUUSD เช่น 1 ทรอยออนซ์ เท่ากับ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น หากนักลงทุนมองว่าราคาทองจะขึ้นก็ให้ทำการซื้อ แต่ถ้ามองว่าราคาทองมีแนวโน้มจะลงก็ให้ทำการขาย สำหรับสัญลักษณ์ของแร่โลหะมีค่าอื่นๆ ที่เทรดได้แก่
- XAUUSD ทรอยออนซ์ทองต่อดอลลาร์สหรัฐ
- XAGUSD ทรอยออนซ์เงินต่อดอลลาร์สหรัฐ
- XPDUSD ทรอยออนซ์พาลาเดียมต่อดอลลาร์สหรัฐ
- XPTUSD ทรอยออนซ์แพลตินัมต่อดอลลาร์สหรัฐ
แต่ละสินค้ามีขนาดล็อตและสเปรดของราคาที่แตกต่างกัน ดังนั้นนักลงทุนควรศึกษาและสอบถามกับทางโบรกเกอร์โดยตรง เพื่อมิให้เสียผลประโยชน์ รวมไปถึงค่าเลเวอเรจของแต่ละสินทรัพย์แต่ละชนิด หลักในการเทรดให้นักลงทุนพิจารณาค่าเงินดอลล่าร์ของสหรัฐเป็นหลัก หากค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐแข็งค่า มักจะทำให้ราคาโลหะมีค่าเหล่านั้นปรับตัวลง ในขณะที่ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐอ่อนตัวลงก็มีโอกาสทำให้ราคาโลหะมีค่าปรับตัวสูงขึ้น แม้ในปริมาณไม่มากแต่ใช้ค่าเลเวอเรจที่เหมาะสมกับเงินทุนก็มีโอกาสในการทำกำไรมหาศาลได้ นอกจากนี้ยังมีในส่วนความต้องการซื้อ ความต้องการขายและเศรษฐกิจสหรัฐที่มักจะมาเกี่ยวข้องกับการขึ้นลงของราคาโลหะมีค่าเสมอ
อยากเทรดฟอเร็กซ์และโลหะมีค่าต้องทำอย่างไร
สำหรับคนที่สนใจอยากจะลงทุนเทรดฟอเร็กซ์และโลหะมีค่าอย่างทองคำ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาโบรกเกอร์มืออาชีพไว้เป็นพาร์ทเนอร์ คอยให้ความช่วยเหลือ แนะนำและให้ความรู้ต่างๆ ในการเทรดเพื่อทำกำไรและเอาตัวรอดในตลาดทุนแห่งนี้ได้ เพราะหากคุณเป็นมือใหม่จะต้องเรียนรู้และศึกษาข้อมูลในการเทรดก่อนตัดสินใจเทรดจริง ซึ่งบางโบรกเกอร์อย่าง Liteforex ยังมี โปรแกรมจำลองให้มือใหม่ได้ทดลองเทรดฟรีโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนจริง โดยรายละเอียดในการสมัครสามารถเข้าดูได้ที่ https://www.liteforex.com/th/ นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมการแข่งขันเทรด DEMO แข่งกันระหว่างมือใหม่ที่ต้องการจะก้าวสู่มืออาชีพให้ได้ลุ้นเงินรางวัลอีกด้วย ซึ่งโปรแกรมที่ใช้ในการเทรดเป็นโปรแกรม MetaTrader4 หรือ MT4 และ MetaTrader 5 หรือ MT5 ที่มีความสามารถที่หลากหลายและเป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมระดับโลก ผ่านในเว็บไซต์ ยังมีบทความ ข้อมูล ความรู้และบทวิเคราะห์ที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนอีกมาก โดยเฉพาะเครื่องมือที่ช่วยในการเทรด โดยในวันนี้จะมาแนะนำ stochastic เครื่องมือที่จะช่วยให้นักลงทุนหาจุดซื้อและจุดขายเพื่อทำกำไรได้อย่างแม่นยำมากที่สุด
Stochastic Oscillator
stochastic Oscillator คือ Indicator หรือ เครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์กราฟของราคาสินค้าที่อยู่ในกราฟ จัดเป็นเครื่องมือในกลุ่มโมเมนตัมหรือการแกว่งของราคา คล้ายๆ กับ RSI ที่มีดัชนีตั้งแต่ 0-100 โดยมี เส้นสัญญาณอยู่ 2 เส้นในเครื่องมือชนิดนี้ ได้แก่
- %K คือเส้น Stochastic มีสูตรในการคำนวณดังนี้
หลักการทำงานของ Stochastic
ที่มาของรูป : https://th.tradingview.com/chart/pRNq8EnJ/ เว็บดูกราฟออนไลน์ฟรี
จากรูปจะแสดงในส่วนของกราฟราคาค่าเงิน USDJPY ที่อยู่ด้านบนและด้านล่างคือ Stochastic โดยปกติแล้วจะใช้กรอบในการสวิงของค่า Stochastic ระหว่างค่า 80% และ 20% (แถบสีม่วง) จะสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่เส้น %K และ %D วิ่งลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 20% มักบ่งบอกได้เป็นถึงสัญญาณ “ซื้อ” (ศรสีเขียว) เพราะราคาลงมาตรงตำแหน่งที่เรียกว่า OVER SOLD เมื่อเส้น %K และ %D วิ่งขึ้นไปมากกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 80% มักเป็นสัญญาณ “ขาย” (ศรสีแดง) เพราะราคาขึ้นไปตรงตำแหน่ง Over Bought ในขณะที่บางจังหวะที่เส้น %K และ %D ไม่ลงมาทำจุดต่ำสุดที่เส้น 20% และราคามีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นต่อ ให้นักลงทุนสังเกตเส้นสีฟ้าในรูป นั่นคือราคาไม่มีการทำจุดต่ำสุดใหม่ หากราคามีการเบรกเหนือราคาสูงสุดก่อนหน้า (จุดที่ขายลูกศรสีแดงสุดท้าย) แนะนำให้เข้าซื้อหรือถือต่อไป เพราะราคาจะสามารถวิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง โดยให้นักลงทุนสังเกตเส้น %K และ %D ที่ไม่ลงมาสัมผัสเส้นค่าเฉลี่ย 20% อีกเลย Stochastic ถือเป็นอีก 1 เครื่องมือที่นักลงทุนนิยมใช้ในการหาจุดเข้าซื้อและจุดขาย ทั้งนี้หากฝึกฝนและจับจังหวะการใช้งาน รวมถึงการปรับเปลี่ยนค่าเฉลี่ยในสูตรได้ก็จะช่วยให้นักลงทุนสามารถใช้งานเครื่องมือชนิดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้