posttoday

โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน เปิดเฟสใหม่ ห้องชุดหรู

02 เมษายน 2555

"โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน" เปิดเฟสใหม่ ห้องชุดหรู "เดอะเลจเจนท์ฯ” เริ่มต้น 2.99 ล้านบาท รองรับไฮซีซั่น

"โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน" เปิดเฟสใหม่ ห้องชุดหรู "เดอะเลจเจนท์ฯ” เริ่มต้น 2.99 ล้านบาท รองรับไฮซีซั่น
 
นายประไพสิทธิ์ ตัณฑ์เกยูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน จำกัด เปิดเผยถึง ภาวะการแข่งขันของตลาดของคอนโดมิเนียมแถบหัวหินว่าปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้ามามากขึ้นทั้งรายใหญ่จากตลาดหลักทรัพย์และรายกลางจากกทม. และฝั่งตะวันออก ส่วนใหญ่ขาย unit ขนาดเล็ก 28-32 ตร.ม. หรือไม่ติดทะเลหรือไม่เห็นทะเลเต็มตาเป็นหลัก และยึดตลาดคนไทยเกือบทั้งหมดเพื่อการพักผ่อนเป็นบ้านหลังที่สองและหนีน้ำท่วม เพราะหัวหินไม่มีย่านธุรกิจหรือนิคมอุตสาหกรรม เช่นฝั่งทะเลตะวันออก ชาวต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรปที่เกษียณแล้วมาอาศัยที่นี่  คิดเป็นสัดส่วน 20% ซึ่งลดลงจากปีที่ผ่านมา 25% 

โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน เปิดเฟสใหม่ ห้องชุดหรู

เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชลอตัวลงอย่างยิ่งในยุโรป  ความต้องการดังกล่าว ทำให้ราคาที่ดินชะอำ-หัวหิน เพิ่มขึ้น 10 – 20% ต่อปี อาทิ ที่ดินติดทะเลและถนนใหญ่ราคา 20-35 ล้านบาท/ไร่  ที่ดินหัวหินก่อนเขาตะเกียบราคา  50 – 60 ล้านบาท/ไร่, เขาเต่าราคา  15 – 20 ล้านบาท/ไร่ ราคาที่ดิน การพัฒนาส่วนใหญ่มุ่งมาเขตชะอำต่อกับหัวหิน เพราะการคมนาคมสะดวกและสาธารณูปโภคพร้อม 

จากอุปสงค์ดังกล่าวฯ ส่งผลให้บริษัทฯ ตัดสินใจนำที่ดินสี่ไร่เศษ (1,214,7 ตร.ว.) บริเวณด้านเหนือโครงการโบ๊ทเฮ้าส์หัวหินมาพัฒนาโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ The Legend by Boathouse Hua Hin (เดอะ เลจเจ้นท์ บาย โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรูแบบ High-Rise สูง 18 ชั้น รูปแบบอาคาร Single-Loaded Corridor ซึ่งเกือบทุกห้องมองเห็นวิวทะเลเต็มตา 180 องศา มีสระว่ายน้ำพร้อมสวนสวยในด้านหน้าและเห็นภูเขาทางด้านหลัง พร้อม Sky Terrace  พื้นที่สันทนาการบนชั้น 18 มองเห็นวิวทะเลเต็มตา 360 องศา และRoof Garden  ขนาดประมาณ 608 ตารางเมตร พร้อมชิงช้าบนชั้นสอง เพื่อใช้สันทนาการอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งหมดมีจำนวนห้องชุด 159 ยูนิต และมีที่จอดรถ 83 คัน  ซึ่งอยู่ติดด้านหลังอาคารชุด

โครงการ The Legend by Boathouse Hua Hin (เดอะ เลจเจ้นท์ บาย โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน) มุ่งดีไซน์เพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้า กล่าวคือ Mood & Tone : Mass, Luxury, Classy, Legendary, Quality, Green ฯลฯ ภายใต้คอนเซปต์ Affordable Elegance พร้อมตกแต่งอย่างสวยงาม หรูหรา เต็มเปี่ยมไปด้วยรสนิยม โดยคุณอำพล จิรมหาโภคา ฯลฯ กลุ่มเป้าหมายหลักคือ ครอบครัว, ผู้บริหาร, คนทำงานที่มีรายได้สูง ฯลฯ พื้นที่เริ่มต้น 46-130 ตารางเมตร แบ่งเป็น 1 ห้องนอน 46 ตารางเมตร, 2 ห้องนอน เริ่มต้น 49-102 ตารางเมตร, 3 ห้องนอน เริ่มต้น 120-131 ตารางเมตร,  ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท หรือเทียบราคาเฉลี่ยของโครงการฯ ประมาณ 90,000 บาทต่อตารางเมตร 

จุดแข็งที่โดดเด่นคือตั้งอยู่ในโครงการขนาดใหญ่ที่มีสาธารณูปโภคครบครัน ที่สร้างเสร็จแล้วให้สัมผัสได้จริง โดย บมจ.คริสเตียนี่และนิลสัน (ประเทศไทย) บริหารจัดการโดย Knight Frank มีพื้นที่ส่วนกลาง สวนและสระว่ายน้ำมากถึง 50  เปอร์เซนต์ จึงโดดเด่นในเรื่องของทัศนียภาพความเขียวและชุ่มฉ่ำของส่วนกลางของโครงการรวมถึงสระว่ายน้ำแบบ อินฟินีตี้ พลู และ Mega Free-Form ขนาด 15,000 ตารางเมตร ใหญ่ถึง 12 เท่าของสระว่ายน้ำโอลิมปิค แล้วด้านหน้าของเดอะเลจเจ้นท์จะเป็นสวนสวยแบบฝรั่งเศสขนาด 1/2 ไร่ ภายใน Lobby ตกแต่งหรูสไตล์ Provence ของฝรั่งเศสตอนใต้อิงเรื่องราวของเรือ (Nautical Style) พร้อมนำภาพ “การทรงเรือใบมด” มาประดับอาคารเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยภาพเหล่านี้ถือเป็นตำนาน (Legend) หนึ่งของหัวหิน มี Roof Garden และ Sky Terrace  เพื่อใช้สันทนาการอย่างเต็มรูปแบบ

โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน เปิดเฟสใหม่ ห้องชุดหรู

โดยจะเปิดให้ชมห้องตัวอย่างทั้ง 1 และ 2 ห้องนอนที่โครงการได้ในในช่วง 5-8   เมษายน 2555 นี้ ลูกค้าจะได้รับโปรโมชั่น เริ่มต้น 2.99 ล้านบาท*, ผ่อนดาวน์เริ่มต้น   9,900 บ./เดือน, ฟรีเฟอร์นิเจอร์ และลุ้นรับ  The New I PAD และแพ็คเกจพักโรงแรมหรู ระหว่างวันที่ 5-8 เมษายน นี้เท่านั้น ส่วนความคืบหน้าของเฟสแรก  ขณะนี้ยอดผู้พักอาศัยประมาณ 500 ราย และยังเหลืออาคารชุดที่จะเปิดขายอีก 2 อาคาร จำนวน 368 หน่วย บริษัทฯ ตั้งเป้าการขายให้หมดภายในสิ้นปี 2555 นี้

ด้าน นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ – บจก. ไนท์แฟรงค์ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) ซึ่งได้รับมอบหมายบริหารงานขายโครงการ เดอะ เลจเจ้นท์ฯ กล่าวถึงแนวโน้มและภาวะการแข่งขันในตลาดย่านชะอำ-หัวหินว่า จากผลการศึกษาของ Knight Frank พบว่าในครึ่งหลังของปี 2554 มีอุปทาน อาคารชุดทั้งสิ้น 13,393 หน่วย ซึ่งกว่าครึ่งมาจาก 5 โครงการใหม่ และขายเป็นแบบห้องชุดขนาดเล็ก ทำให้การขายในปี 2554 ค่อนข้างสดใส เพราะมียอดขายรวมถึง 1,324 หน่วย และคอนโดริมทะเลเปิดขายเพิ่มขึ้นถึง 15.6% ในปี 2554 เมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้นเพียง 6.3% ในปี 2553

อาคารชุดทั้งหมดที่จะออกขายใหม่ในปีนี้จะมีประมาณ 8,000 หน่วย และมีมูลค่ารวมกว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างเสร็จในช่วง 2013-2015 และมีราคาเริ่มตั้งแต่ 2 ล้านบาท ถึง กว่า 20 ล้านบาท ต่อหน่วย ดังนั้นโครงการฯ ที่ได้เปรียบคือโครงการฯ ที่ตั้งอยู่ทำเลก่อนถึงเมือง และถ้าเป็นโครงการใหญ่ที่มีพื้นที่เดิมมากอยู่แล้ว จะสามารถทำราคาออกมาได้น่าสนใจ เมื่อเทียบกับรายใหม่ที่มี่ต้นทุนเพิ่มขึ้น ทั้งราคาที่ดินและวัสดุ