สนประดับ บอกฤดูกาล
ลมหนาวเวียนมาทักทายกันอีกแล้วครับ หลายคนคงนึกถึงการเดินทางไปรับลมหนาวทางถิ่นเหนือ
โดย...สืบสิน ภาพ คลังภาพโพสต์ทูเดย์
ลมหนาวเวียนมาทักทายกันอีกแล้วครับ หลายคนคงนึกถึงการเดินทางไปรับลมหนาวทางถิ่นเหนือ ไม่ก็เตรียมแบกเป้พิชิตหนาวบนภูสูงหลายคนถึงขั้นเอาความทรงจำในวันหนาวมาสานฝันเป็นสวนสวยที่สัมผัสได้ทุกโมงยาม
สวนที่บ่งบอกฤดูกาลนี้ได้เป็นอย่างดีก็คือ สวนสน ที่ทั้งรูปทรงและลักษณะใบอันละเอียดยิบเฉพาะตนของสนนั้น ทำให้หลายคนหลงใหลได้ไม่ยากเลยทีเดียวครับ
สนเป็นไม้ใบที่มีใบสีเขียวสดตลอดปีและเป็นพืชโบราณมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์สนเกือบทุกชนิดไม่ผลัดใบ เราจึงง่ายต่อการดูแลไม่ต้องคอยเก็บกวาดให้ยุ่งยาก แม้สนส่วนใหญ่จะชอบอากาศในเขตหนาว แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาสายพันธุ์และปรับตัวเจริญเติบโตในเขตร้อนได้หลายสายพันธุ์ และส่วนมากจะดูแลง่าย ไม่ต้องคอยตัดแต่งกิ่ง และยังให้สีเขียวสดชื่นตลอดทั้งปีอีกด้วย
บ้างก็นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับและใช้จัดสวนหย่อม สวนหิน สวนญี่ปุ่น อย่างสนบอนไซ ที่นักเลงต้นไม้ต่างหยิบมาดัดแปลงเป็นสวนศิลป์แห่งจินตนาการ ในต่างประเทศรู้จักกันในชื่อ Conifer หรือ Evergreen Treeเพราะเป็นต้นไม้ที่มีใบเขียวสดตลอดปี แม้ในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุม ในขณะที่พืชอื่นๆ ทิ้งใบหมดจนเหลือแต่กิ่งก้าน แต่ต้นสนยังตระหง่านท้าความหนาวเย็นได้อย่างสบายจนบางครั้งมีการเรียกชื่อกันว่า ต้นคริสต์มาส
สนประดับที่นิยมปลูกและใช้ในการจัดสวนโดยทั่วไปในเมืองไทยมีด้วยกันหลายชนิดอาทิ สนมังกร สนเลื้อย สนแพง สนฉัตร สนบลู สนบลูทรายเงิน สนบลูทรายเงินแซมทอง สนบลูบอล สนดินสอทอง สนทรายเงินสนบลูบอล สนสามร้อยยอด สนสามร้อยยอดบลู สนสาหร่าย รวมไปถึงสนหอม หรือสนบอนไซ ที่มีลำต้นตรง แตกเป็นพุ่ม ใบเรียวเล็กสีเขียวอ่อนปนเหลือง ทำให้ดูสว่างตาและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ มักถูกจับมาทำสวนบอนไซเรียกว่าสนทุกชนิดมีลักษณะรูปทรงแตกต่างกันไป อยู่ที่ว่าเราจะชอบแบบไหน
การปลูกและดูแลรักษา
สนตามธรรมชาติส่วนใหญ่อยู่ในเขตหนาวและอบอุ่น สนจึงชอบอากาศเย็นมากกว่าร้อนและแห้งแล้ง จากนั้นก็มีผู้เชี่ยวชาญพัฒนากันจนเป็นสนประดับ ซึ่งมีการปลูกและพัฒนาพันธุ์มานาน บางชนิดจึงปรับตัวให้เจริญเติบโตในเขตร้อนได้ โดยทั่วไปสนเป็นพืชที่แข็งแรงและต้องการการดูแลรักษาน้อยมาก หากมีสภาพที่เหมาะสม คือได้รับแสงแดดเต็มวัน ดินหรือวัสดุปลูกมีธาตุอาหารพอเพียงและระบายน้ำได้ดี ไม่ขังแฉะจนเกินไป เพียงเท่านี้สนจะเจริญได้ตามปกติและมีพุ่มสวยงามโดยไม่ต้องตัดแต่ง ไม่ว่าจะปลูกลงดินหรือในกระถางก็ให้ความสวยงามไม่แพ้กัน
ด้านศัตรูของสนประดับโดยทั่วไปไม่ค่อยมีแมลงรบกวน จะมีบ้างก็เป็นจำพวกเพลี้ยแป้งที่อาจจะมากับมดบางชนิดที่จะมาไต่ตามช่อดอกทำให้ช่อดอกแห้งเป็นสีน้ำตาลและอาจไม่ติดเมล็ด ส่วนโรคที่เกิดกับสนที่เห็นอยู่บ่อยๆ ก็คือใบจะเน่าและแห้ง ซึ่งเกิดจากเชื้อราบางชนิดในฤดูฝน โดยเฉพาะในเขตที่มีแสงน้อย ทำให้ความชื้นอากาศสูงเป็นเวลานานหลายเดือนใบสนจึงเน่าและแห้งเป็นสีน้ำตาล
อีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากแสงแดดจัดเกินไป และถ้าได้รับน้ำไม่พอเพียงก็จะทำให้ใบสนแห้งและร่วง ดังนั้นต้องหมั่นรดน้ำ สักสัปดาห์ละ 2-3 วันก็เพียงพอแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรระวังก็คือ โรครากเน่าที่เกิดจากดินปลูกระบายน้ำไม่ดี มีน้ำขังแฉะ เวลานานไปก็จะทำให้สนตายทั้งต้นได้
บางคนอาจจะมองว่าสนนั้นเลี้ยงยาก แต่ถ้าเข้าใจลักษณะความเป็นอยู่ของเขาเป็นอย่างดี สนก็พร้อมจะขับสีสันและรูปทรงอันสวยงามให้เราได้ชื่นชมตลอดทั้งปีกันแล้วล่ะครับ