"ธารารมณ์" ชูแตกต่าง หนทางรายกลางสู้ใหญ่
ถือเป็นบริษัทขนาดกลางที่อยู่ในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มานาน 46 ปีแล้ว สำหรับ "ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์"
โดย...โชคชัย สีนิลแท้
ถือเป็นบริษัทขนาดกลางที่อยู่ในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มานาน 46 ปีแล้ว สำหรับบริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ที่สามารถฝ่ามรสุมการแข่งขันที่รุนแรง ท่ามกลางการแข่งขันหลายราย คาดการณ์ว่าอนาคตอาจจะเหลือเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ ส่วนรายขนาดกลางและเล็กนั้นนับวันจะอยู่ได้ยากเต็มที แต่แนวคิดดังกล่าวต่างจากค่ายธารารมณ์ ที่มองว่า รายกลางนั้นยังสามารถแข่งขันได้หากมีการปรับตัวและสร้างความแตกต่าง
วสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์เอ็นเตอร์ไพรส์ บอกว่า บริษัทถือว่าผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการอสังหาฯ มานาน โดยยึดรูปแบบการพัฒนาธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป แนวทางการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในยุคปัจจุบันนั้น จะต้องเป็นองค์กรที่กระชับ และมีการนำเทคโลโยีสมัยใหม่มาใช้ในการดำเนินงานมากขึ้น และไม่เน้นใช้คนในปริมาณมาก โดยยังคงยึดหลักการบริหารโดยยึดหลัก 4 M คือ 1.Money หรือเงิน ที่แม้ว่าจะไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จในการบริหารงาน แต่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการทำงาน 2.Material หรือมีต้นทุนทางด้านที่ดิน โดยเฉพาะที่ดินแปลงงามอยู่ในมือก็สามารถแข่งขันได้ดี เพราะการแข่งขันในวงการอสังหาฯ แข่งขันกันที่ทำเลเป็นหลัก 3.Method คือต้องมีวิธีการทำงานที่ดี จะทำให้เกิดการผิดพลาดน้อย และ 4.Man คนหรือบุคลากรที่มีคุณภาพ
“ธารารมณ์ พัฒนาโครงการมาทุกรูปแบบแล้ว เริ่มจากการสร้างหมู่บ้านจะต้องมีสโมสรภายในหมู่บ้านและเป็นผู้ประกอบการที่เริ่มสร้างหมู่บ้านผสมกับการสร้างคอนโดมิเนียมภายในโครงการที่เริ่มตั้งแต่ปี 2535 กับหมู่บ้านธารารมณ์ รามคำแหง 43/1 และโครงการคอนโดมิเนียมโดยเฉพาะ สภาพตลาดแตกต่างกัน โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่เข้าจับตลาดระดับกลางการแข่งขันไม่สูงมากนัก หากเป็นตลาดคอนโดการแข่งขันนั้นสูงกว่ามาก”
ทั้งนี้ แนวทางการพัฒนาโครงการของธารารมณ์นั้นจะเน้นที่อยู่อาศัยแนวราบเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางระดับราคา 5-9 ล้านบาท เป็นหลัก ไม่เน้นราคาเกิน 10 ล้านบาท/หลัง โดยจะวางแผนการพัฒนาเป็นปีต่อปี เน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างครอบครัว ปัจจุบันภาพรวมกำลังซื้อบ้านกลุ่มระดับดังกล่าวในช่วงครึ่งปีแรกนั้นไม่ได้ซบเซาลง เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปีก่อน ขณะนี้ยอดการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินของบริษัทก็ลดลงจากปีก่อน จากที่เคยสูงถึง 20% มาในครึ่งปีแรกยอดปฏิเสธสินเชื่อนั้นลดลงเหลือ 10% ขณะที่การเก็บเงินดาวน์นั้นบริษัทเก็บอยู่ที่ 10-15% ซึ่งเก็บในอัตราดังกล่าวมานาน 5 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายในปีนี้จะทรงตัวเท่ากับปีที่ผ่านมา ที่มียอดขาย 1,200 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกสามารถทำยอดขายได้แล้ว 600 ล้านบาท ซึ่งกลยุทธ์สำคัญของธารารมณ์คือไม่ได้เน้นการสร้างแบรนด์สินค้า เนื่องจากต้องเสียค่าใช้จ่ายในปริมาณมาก แต่จะเน้นที่ทำอย่างไรให้เกิดการบอกต่อ ว่าสินค้าที่บริษัทพัฒนาออกมานั้นมีคุณภาพ ปัญหาการร้องเรียนของผู้บริโภคมีน้อยที่สุด หรือแทบจะไม่มีการร้องเรียนเลย
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ นั้นยังคงทรงตัว ขณะที่ซัพพลายในตลาดนั้นยังมีเหลือขายอยู่ค่อนข้างสูง ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัว หากกลุ่มลูกค้าเฉพาะหรือหาตลาดที่การแข่งขันไม่สูงมาก ส่วนใหญ่เป็นตลาดระดับกลางบนที่ความต้องการยังมีอยู่จริง ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการบ้านแนวราบ ขณะที่แนวทางการพัฒนาโครงการในอนาคตจะต้องศึกษาเรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ให้ดี เนื่องจากจะมีกฎหมายใหม่ออกมามากขึ้น อย่างล่าสุดภาครัฐเตรียมออกกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การปรับตัวที่รวดเร็วของผู้ประกอบการหาตลาดเฉพาะจึงสามารถแข่งขันได้