posttoday

City & Garbage “อาตากามา” เขตบูชายัญระดับโลก สาย Fast Fashion แวะมาทางนี้ก่อน

16 พฤษภาคม 2567

ไม่มั่ว อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็น 1 ในผู้ก่อมลพิษมากที่สุดในโลก เสื้อผ้าใช้แล้วจำนวน 60,000 ตันถูกส่งไปยังชิลีทุกปี และ 39,000 ตัน กลายเป็นขยะถูกทิ้งผิดกฎหมายในทะเลทรายอาตากามา ที่โดดเด่นจากความกว้างใหญ่ไพศาลจนมองเห็นได้จากอวกาศ ทำให้นักเคลื่อนไหวต้องออกมาจัดหนัก!

KEY

POINTS

  • เหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงทางตอนเหนือของชิลีได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นจากชาวโลกในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ในปี 2023 รูปภาพของเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งเมื่อมองจากอวกาศกลายเป็นกระแสไวรัล 
  • ชิลีเป็นผู้นำเข้าเสื้อผ้ามือสองรายใหญ่อันดับสามของโลก เสื้อผ้าเหล่านี้บางส่วนขายต่อในตลาดมือสอง แต่เสื้อผ้าอย่างน้อย 39,000 ตันกลับกลายเป็นขยะ
  • โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้บริโภคแต่ละรายซื้อเสื้อผ้าเพิ่มขึ้น 60% จากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และมีขยะสิ่งทอเกิดขึ้นปีละ 92 ล้านตันทุกวินาที

ก่อนทิ้งตัวลงแคทวอล์ก มาทางนี้ก่อน

แฟชั่นโชว์จากเสื้อผ้ามือสองกำลังส่องแสงสว่างอยู่บนกองขยะเสื้อผ้าบนทะเลทรายอาตากามาทางตอนเหนือของชิลีที่มีความโดดเด่นยิ่งกว่าทุกแคทวอล์กในโลกนี้จากความกว้างใหญ่ที่มองเห็นได้จากอวกาศ สมฐานะกองขยะเสื้อผ้าทิ้งแล้วซึ่งเติบโตรวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ส่งผลให้ทะเลทรายอาตากามากลายเป็น 'เขตเสียสละระดับโลก' ของโลก “ฟาสต์แฟชั่นมือสอง” ไม่พลาดสายตานักเคลื่อนไหวและนักออกแบบที่ได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความหายนะต่อแผ่นดินและประชาชนอันตระการตานี้ แบบไม่ต้องมีไฟสตูดิโอมาส่อง

 

งานนี้มีแคตวอล์กบนผืนทรายระหว่างกองเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งและยางรถยนต์ในทะเลทรายอาตากามาของชิลี เครื่องแต่งกายของเหล่านายแบบนางแบบทำมาจากสิ่งของที่พบในกองขยะรอบๆ ซึ่งมีขนาดใหญ่มากจนสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ ขยะเกือบทั้งหมดนี้มาจากประเทศที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ รวมถึงสหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักร ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เสื้อผ้าใช้แล้วจำนวน 60,000 ตันถูกส่งไปยังชิลีในแต่ละปี!!

 

เครดิตภาพ : The Guardian.com

 

ตามตัวเลขล่าสุดของสหประชาชาติ

ชิลีเป็นผู้นำเข้าเสื้อผ้ามือสองรายใหญ่อันดับสามของโลก เสื้อผ้าเหล่านี้บางส่วนขายต่อในตลาดมือสอง แต่เสื้อผ้าอย่างน้อย 39,000 ตันกลับกลายเป็นขยะถูกทิ้งอย่างผิดกฎหมายในทะเลทรายอาตากามา ทั้งที่ทะเลทรายแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเทศ มีชื่อเสียงในด้านความงามและสถานที่ดูดาวที่มองเห็นดวงดาวได้งดงามราวกับอยู่ในอีกโลกหนึ่ง แต่สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้กับจุดทิ้งขยะ ทะเลทรายแห่งนี้กลับกลายเป็นสถานที่แห่งความหายนะ

 

“สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นเขตบูชายัญระดับโลก ซึ่งขยะจากส่วนต่างๆ ของโลกมาถึงและจบลงที่เขตเทศบาล Alto Hospicio” แองเจลา อัสตูดิลโล (Ángela Astudillo) ผู้ร่วมก่อตั้ง Desierto Vestido องค์กรพัฒนาเอกชนที่โฟกัสไปที่การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของขยะ

 

“มันกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สกปรกและน่าเกลียดที่สุดในโลก"

“เป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะสิ่งนี้เกิดขึ้นมานานแล้วและผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะมันทำให้เราตกอยู่ในอันตราย สิ่งเดียวที่เราทำได้คือประณามสิ่งที่เกิดขึ้น และยืนเฉยๆ”

อัสตูดิลโล วัย 27 ปี  ผู้อาศัยอยู่ในละแวกทะเลทรายไม่ไกล (ขับรถ 5 นาที) จากจุดทิ้งขยะ 1 ใน 160 จุดในพื้นที่ให้คำอธิบายและคำจำกัดความอย่างเจ็บปวด

 

มายา รามอส สไตลิสต์ชาวบราซิลเป็นผู้ออกแบบคอลเลกชั่นนี้ในธีมธาตุทั้งสี่ ได้แก่ ดิน ไฟ ลม และน้ำ จากสิ่งของที่ทิ้งลงในไซต์งาน

 

เพื่อตอบโต้ความรู้สึกไร้อำนาจนี้ องค์กรของเธอได้ร่วมมือกับ Fashion Revolution Brazil ขบวนการเคลื่อนไหวด้านแฟชั่น และ Artplan ซึ่งเป็นเอเจนซี่โฆษณาของบราซิล จัดงานแฟชั่นโชว์ท่ามกลางกองขยะเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความเป็นจริงต่อสถานที่ที่เธออาศัยอยู่ด้วย และอีกสิ่งก็คือ การแสดงให้เห็นสิ่งที่สามารถทำได้จากขยะ โดยมีมายา รามอส (Maya Ramos) สไตลิสต์และศิลปินจากรัฐเซาเปาโลในบราซิล ออกแบบคอลเลกชั่นที่นางแบบชาวชิลี 8 คนสวมใส่ในโชว์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาซึ่งมีชื่อโชว์ว่า Atacama Fashion Week 2024 (ส่วนแผนสำหรับโชว์ในปี 2025 กำลังดำเนินการอยู่)

 

มายา รามอสบอกว่า “ปัญหาที่มีมากกว่าแฟชั่นและห่วงโซ่อุปทานคือปัญหาสังคม เนื่องจากขาดความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ผู้คนจึงบริโภคเกินความจำเป็นอย่างก้าวกระโดด” 

 

โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้บริโภคแต่ละรายซื้อเสื้อผ้าเพิ่มขึ้น 60% จากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

และมีขยะสิ่งทอเกิดขึ้นปีละ 92 ล้านตัน ทุกวินาที เสื้อผ้าที่เทียบเท่ากับรถบรรทุกจะจบลงที่สถานที่ฝังกลบที่ไหนสักแห่งทั่วโลก ตามที่องค์การสหประชาชาติระบุว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นหนึ่งในผู้ก่อมลพิษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยคิดเป็นประมาณ 20% ของน้ำเสียของโลก และประมาณ 10% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากแฟชั่นที่รวดเร็ว หรือ Fast Fashion เช่น เสื้อผ้าราคาถูกที่ซื้อและทิ้งไปเมื่อกระแสนิยมเปลี่ยนไปได้เติบโตขึ้น ปริมาณของเสื้อผ้าที่ผลิตก็เพิ่มขึ้น ในขณะที่คุณภาพก็ลดลง

 

วิธีกำจัดเสื้อผ้าที่นิยมในประเทศที่พัฒนาแล้วคือการมอบให้ร้านค้าการกุศล แต่การบริจาคเหล่านี้จำนวนมากไปจบลงที่ประเทศทางตอนใต้ของโลก ซึ่งมีการค้าเสื้อผ้ามือสองเป็นจำนวนมาก และเจ้าหน้าที่ที่รับภาระเหล่านี้ไม่สามารถจัดการได้

 

ในเมืองอักกรา เมืองหลวงของกานา ใยเสื้อผ้าพันกันเป็นกลุ่มก่อนเรียงรายอยู่ตามชายฝั่ง ในขณะที่กองขยะสิ่งทอได้ก่อตัวขึ้นในพื้นที่อื่นของเมือง เช่น เหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงทางตอนเหนือของชิลีได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นจากชาวโลกในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ในปี 2023 รูปภาพของเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งเมื่อมองจากอวกาศกลายเป็นกระแสไวรัล 

 

เสื้อผ้าที่ใช้แล้วทิ้งใน Alto Hospicio ในทะเลทรายอาตากามา มีเสื้อผ้าอย่างน้อย 39,000 ตันถูกทิ้งในภูมิภาคนี้ทุกปี

 

และที่เมือง Iquique ทางตอนเหนือของชิลี ที่ตั้งของท่าเรือปลอดภาษีที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาใต้ เมื่อขบวนเสื้อผ้ามาถึง ผู้นำเข้าจะรวมตัวกันพร้อมกับคนงานคัดแยกเสื้อผ้า เสื้อผ้าที่ไม่พึงประสงค์จะตกไปอยู่ในมือของคนขับรถบรรทุกที่ใช้เรือข้ามฟากข้ามไปไม่กี่ไมล์เพื่อนำไปทิ้งเป็นขยะนอกเมืองอัลโต ฮอสปิซิโอ ซึ่งเป็นเขตเทศบาลที่กำลังขยายตัวมีประชากรประมาณ 130,000 คน ที่นี่ขยะเสื้อผ้ามือสองจะผ่านวงจรการคัดแยกและขายต่อในร้านค้าเล็กๆ หรือที่ La Quebradilla ซึ่งเป็นตลาดกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่มีการค้าขายเสื้อผ้ามือสองอย่างล้นหลาม 

 

แม้แต่เสื้อผ้าที่มีป้ายราคาติดอยู่ก็ยังถูกทิ้งอย่างไม่แยแสในทะเลทรายอาตากามา ในอัลโต ฮอสปิซิโอ ตามกฎหมายของประเทศชิลี ห้ามมิให้ทิ้งขยะสิ่งทอลงในหลุมฝังกลบเพราะมันจะทำให้ดินไม่แข็งตัว ดังนั้นสินค้าที่ขายไม่ได้จะถูกส่งไปที่ทะเลทราย

 

โชว์มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอกย้ำถึงผลกระทบของแฟชั่น “ฟาสต์แฟชั่น” ที่ไม่ยั่งยืนในชิลีและที่อื่นๆ ในโลก

 

จุดจบของแบรนด์เนม

แบรนด์ต่างๆ ที่เราจะพบได้ทั่วไปท่ามกลางผืนทราย ได้แก่ Zara, H&M, Calvin Klein, Levi’s, Wrangler, Nike และ Adidas ส่วนใหญ่ทำจากโพลีเอสเตอร์ ซึ่งเป็นผ้าที่ทำจากพลาสติก ซึ่งจะใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 200 ปี เมื่อเสื้อผ้าเหล่านี้ถูกเผาจะปล่อยควันพิษ ทำลายดิน ชั้นโอโซน และสุขภาพของประชากรในท้องถิ่น

 

Fernanda Simon ผู้อำนวยการฝ่ายการปฏิวัติแฟชั่นของบราซิลกล่าวว่า มีองค์ประกอบของการเหยียดเชื้อชาติด้านสิ่งแวดล้อมและลัทธิล่าอาณานิคมในระบบที่เห็นผลิตภัณฑ์ถูกบริโภคในภาคเหนือของโลกก่อนที่จะถูกทิ้งในภาคใต้ของโลก เป็นกลุ่มประชากรที่เปราะบางที่สุดที่ได้รับผลกระทบ ในเมืองอัลโต ฮอสปิซิโอ หนึ่งในเมืองที่ยากจนที่สุดในชิลี ผู้คนสูดก๊าซในขณะที่เสื้อผ้าถูกเผา “อาตากามาเป็นตัวอย่างหนึ่ง” เธอกล่าว “เรามีสถานที่ที่สวยงามแห่งนี้ซึ่งมีผู้คนมากมายเดินทางมา ปัจจุบันเสื้อผ้าเกือบ 50,000 ตันถูกทิ้งที่นั่น เสื้อผ้ามาจากประเทศทางตอนเหนือของโลก “เราต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ”

 

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้เรียกเก็บค่าปรับ 180,000 เปโซ สำหรับผู้ที่ถูกจับได้ว่าทิ้งขยะในทะเลทราย อัสตูดิลโลกล่าว แต่เธอบอกว่า มีเพียงพื้นที่ใกล้กับที่ผู้คนอาศัยอยู่เท่านั้นที่ได้รับการตรวจสอบ มีการออกค่าปรับเพียงเล็กน้อย และการทิ้งยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่ลดละ ประเทศได้ดำเนินการ "กฎหมายความรับผิดชอบเพิ่มเติมของผู้ผลิต" ซึ่งกำหนดกรอบทางกฎหมายสำหรับการจัดการขยะ ในขณะที่กำหนดให้ผู้นำเข้ารับผิดชอบต่อของเสียที่พวกเขาสร้างขึ้น แต่ก็ยังไม่รวมเสื้อผ้าและสิ่งทอ และเสื้อผ้าก็ยังมีมาเรื่อยๆ และขยะก็สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น....

 

เครดิตภาพ: The Guardian