posttoday

ส.อ.ท.จับตา 2 เดือน จ่อหั่นเป้าผลิตปีนี้ หลังยอดขายรถวูบ

24 พฤษภาคม 2567

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยยอดผลิต -ยอดขาย-การส่งออกรถไปต่างประเทศชะลอตัว ชี้ให้จับตาเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง หากมีการลงทุนจาก รัฐฯและเอกชน จะช่วยให้ประชาชนชำระหนี้ ลดปัญหาหนี้ครัวเรือนได้

อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม -เมษายน) ยังคงไม่ฟื้นตัว ล่าสุดกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลตัวเลขยอดการผลิตรถในประเทศ ยอดขาย รวมไปถึงการส่งออก และพบว่ามีการชะลอตัวลงในทุกตลาด โดยสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ดังต่อไปนี้

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์เดือนเม.ย. 2567 ผลิตได้ 104,667 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 11.02% ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของยอดผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศ 34.17% อยู่ที่ 32,739 คัน โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์นั่ง 17,398 คัน ลดลง 15.42% และรถกระบะขนาด 1 ตัน 14,616 คัน ลดลง 45.94%

ส.อ.ท.จับตา 2 เดือน จ่อหั่นเป้าผลิตปีนี้ หลังยอดขายรถวูบ
 

ยอดขายลดลงเพราะแบงค์คุมปล่อยสินเชื่อ 

ทั้งนี้ สอดคล้องกับยอดขายเดือนเม.ย. 2567 ที่ 46,738 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 21.49% ตกไปเป็นอันดับ 3 รองจากประเทศมาเลเซีย เพราะหนี้ครัวเรือนที่สูงและเศรษฐกิจเติบโตในอัตราต่ำ สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงินและเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระดับต่ำจากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การใช้จ่ายการลงทุนของรัฐบาลลดลงมาก จนกำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอลง 

“ต้องจับตาสถานการณ์การผลิตรถยนต์ในประเทศไทยจากนี้อีก 2 เดือน ว่าจะมีการปรับลดประมาณการผลิตลงหรือไม่ จากเดิมที่ปี 2567 ตั้งเป้ายอดการผลิตรถยนต์รวมอยู่ที่ 1.9 ล้านคัน เนื่องจากสำนักคาดการณ์เศรษฐกิจหลายสำนักมีการปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศไทยปีนี้ลดลงเหลือ 2.5% จาก 2.7%” นายสุรพงษ์กล่าว
ส.อ.ท.จับตา 2 เดือน จ่อหั่นเป้าผลิตปีนี้ หลังยอดขายรถวูบ

วอนรัฐบาลออกมาตรการช่วยกระตุ้นการซื้อรถยนต์

อย่างไรก็ตาม เมื่องบประมาณปี 2567 มีผลแล้ว หวังว่ารัฐบาลจะเร่งรัดการเบิกจ่ายและการลงทุน รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตที่รัฐบาลได้กระตุ้นการซื้ออสังหาริมทรัพย์เมื่อเดือนเม.ย. 

จึงขอรัฐบาลช่วยกระตุ้นการซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์สันดาปภายในและรถกระบะที่ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศกว่า 90% ซึ่งมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องจำนวนมากพอๆ กับอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้อุตสาหกรรมเหล่านี้มีการผลิตเพิ่มขึ้น จ้างงานเพิ่มขึ้น ประชาชนมีงานทำมากขึ้น รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มรวมทั้งภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น

ขณะที่ ยอดผลิตเพื่อส่งออกเดือนเม.ย. 2567 ผลิตได้ 71,928 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.92% สวนทางกับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปส่งออกได้ 70,160 คัน ลดลงจากปีก่อน 12.23% เพราะผลิตเพื่อส่งออกได้น้อยจากจำนวนวันทำงานน้อยในเดือนเม.ย. นายสุรพงษ์กล่าวเสริม