เมื่อ “Apple” ไม่ทำการบ้าน? “ภาพจำ” ของ "เมืองไทย" จึงไม่เคยเปลียนแปลง
น่าสงสัยเมืองไทยในสายตาแอปเปิล สกปรก เก่าแก่ แออัด แมลงเยอะ ของหาย คนขับรถแท็กซี่ชวนหลง ในยุค AI สมาร์ทโฟนครองโลก?
จากกระแสเสียงโวยโฆษณาแอปเปิลทั้งจากคนไทยและฝรั่งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมีมากมายหลายความคิด แต่ส่วนใหญ่จะไปในทิศทาง “สวดยับ” ถึงแม้โฆษณาความยาว 9.58 นาทีจะจบลงด้วยดี น้ำใจของคนไทยที่คอยให้ความช่วยเหลือ เทคโนโลยีสุดล้ำของสมาร์ทโฟนทำให้งานของบริษัทอเมริกันสำเร็จ สุดท้ายหากระเป๋าที่หายไปในสนามบินเจอในสภาพที่ยับเยิน สามารถผลิตบรรจุภัณฑ์นับล้านชิ้นได้สำเร็จในราคาที่อยู่ใน “บัทเจ็ต”
ภาพการเดินทางวุ่นวายทั้งตุ๊กๆ มอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ รถตู้ รถไฟ ในสภาพเก่าแก่ เพราะความตั้งใจทำให้มันดูเก่า พยายามจะบอกอะไรเรา? นี่คือคำถาม บางคนบอกว่ามันคือมุกตลก มันก็แค่โฆษณา มันคือการเหยียดประเทศไทย แม้แต่กับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยมานานยังรับไม่ได้
เดวิด วิลเลียม ครูสอนภาษาอังกฤษคนดังดีกรี Cambridge และเป็น TikToker ที่มีผู้ติดตามกว่า 2 ล้านคน ที่มักทำคลิปรีแอคกับการเหยียดแบบต่างๆ ไว้มากมายหลายคลิป (ไม่เว้นแม้แต่การรีแอคกับคลิปคนไทยที่เหยียดสิ่งต่างๆ ของประเทศตัวเอง) เขาอยู่เมืองไทยมานานเกือบ 10 ปีจนพูดได้ชัดๆ ว่า เมืองไทยคือบ้านของฉัน ยังรับไม่ได้ ถึงกับทนไม่ไหวและออกมาพูดแทนคนไทยทั้งประเทศว่า สนามบินในประเทศไทยบ้านฉันโมเดิร์นกว่าสนามบิน JFK ของคุณเสียอีก...อยู่เมืองไทยมานาน นั่งแท็กซี่มาหลายพันคัน รับประกันเลยว่าไม่เคยเจอแท็กซี่แบบในโฆษณาเลย ไปจนถึงทำไมเวลาแอปเปิลถ่ายทำโฆษณาในบ้านตัวเองที่นิวยอร์ก ที่ชิคาโกดูทันสมัยมาก ทั้งที่ความจริงเมืองตัวเองสกปรกและไม่ปลอดภัยเลย และปิดท้ายอย่างเจ็บแสบว่า
แอปเปิลตั้งใจทำให้เมืองไทยดูแย่ เก่าแก่ สกปรก เพราะแอปเปิลไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้ จนต้องไปควานหาสิ่งเก่าๆ ที่มันไม่มีอยู่แล้วมาใส่ในโฆษณา เพื่อให้แมตช์กับผลิตภัณฑ์ตัวเอง หน้าตาทุกข์ของนักแสดงในโฆษณาที่มาพักอยู่ในโรงแรมระดับโฮสเทลในกรุงเทพฯ นั้นดูน่าสงสาร เพราะแอปเปิลคงเจอวิกฤตนิดหน่อย จนไม่สามารถพัฒนาอะไรขึ้นมาได้เลย
(ปรับให้สุภาพไม่เป็นภาษายุคพ่อขุนว่า) ขอบคุณทีมงานถ่ายทำของแอปเปิลทุกคนที่อุตส่าห์ถ่ายให้บ้านผมดูเก่าแก่ขนาดนี้ เพราะมันทำให้โทรศัพท์สุดโบราณของพวกคุณเมื่อเปรียบเทียบกับความโบราณของบ้านผมที่พวกคุณผลิตขึ้นมานั้น มันทำให้โทรศัพท์ของพวกคุณดูไม่เก่าอีกเลย
ปิดท้ายด้วยการไปซื้อโทรศัพท์คู่แข่งมารีวิวได้อย่างเจ็บแสบ คลิปนี้มียอดการเข้าดูกว่าล้านครั้ง และล่าสุดเขายังออกมาเปิดเผยผ่านคลิปใน TikTok ว่า CNN ได้มาขอสัมภาษณ์เขาเกี่ยวกับประเด็นนี้และจะนำคลิปมาเปิดเผยให้ทราบภายหลัง
และยังมีชาวต่างชาติ ระดับครูสอนภาษาอีกหลายคน ที่ทนไม่ได้ออกมาทำคลิปอัดแอปเปิลในทำนอง แอปเปิลดูหมิ่นประเทศไทย (Disrespecting Thailand) ส่วนคนไทยก็มีความเห็นหลากหลายทิศทาง
“แอปเปิล ตั้งใจทำโฆษณาย้อนยุค สมัยประเทศไทย 30-50 ปีที่แล้ว ดูจากทรงผม ชุดพนักงาน แอปเปิลยังไม่เกิดเลย”
“โฆษณายังไงให้ฝ่ายตรงข้ามขายดี”
สิ่งหนึ่งที่แน่นอน จนแทบไม่ต้องคิดอะไรเลย แอปเปิลตั้งใจทำ “โฆษณาย้อนยุคติดตลก” ให้เห็นภาพประเทศไทยในยุคหนึ่ง ตัดกับภาพโทรศัพท์ไอโฟนที่ดูล้ำดูแพง เกิดอะไรขึ้น แอปเปิลต้องการจะสื่อสารอะไร หรือว่า ไม่ทำการบ้าน ว่าเรามีสนามบินสุวรรณภูมิที่ทันสมัยติดอันดับโลก รถแท็กซี่และคนขับส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนมีแอปฯแผนที่ โรงแรมเราคือโรงแรมที่ดีที่สุดในอันดับต้นๆ ของโลก
ยกเว้นเรื่องการจราจรที่ติดขัด แต่รถโดยสารมันไม่ได้เก่าขนาดนั้น รถตู้ไปเอามาจากไหนก่อน... ทีมงานช่างพยายามสรรหา
ย้อนยุคไทม์ไลน์ของสมาร์ทโฟนแอปเปิลกันบ้าง
ในงาน Macworld Expo วันที่ 9 มกราคม 2007 หรือเมื่อ 17 ปีก่อนสตีฟ จ๊อบส์ เปิดตัวไอโฟนเป็นครั้งแรก พลิกหน้าวงการโทรศัพท์มือถือทั้งโลกในวันเดียว และในวันเดียวกันนั้นก็ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทโดยตัดคำว่าคอมพิวเตอร์ออกเพื่อเข้าสู่ตลาดอิเล็กทรอนิกส์เต็มตัว
และในปี 2008 ได้เปิดตัวแอปสโตร์เป็นครั้งแรกในไอโฟน3จี และในปีเดียวกันได้เปิดตัวแมคบุ๊กแอร์ที่บางลงกว่าแมคบุ๊กโปรแต่มีราคาถูกกว่า
และในวันที่ 27 มกราคม 2010 สตีฟ จ๊อบส์เปิดตัวไอแพดเป็นครั้งแรก
ในเดือนมิถุนายน 2010 ได้เปิดตัวไอโฟน4 และเปลี่ยนชื่อซอฟต์แวร์ของไอโฟนจากไอโฟนโอเอสเป็นไอโอเอส
5 ตุลาคม ค.ศ. 2011 สตีฟ จ๊อบส์จากโลกนี้ไปไม่มีวันกลับ
ไอโฟนดำเนินการเปิดตัวมาจนถึงรุ่นที่ 15 กำลังจะมี 16 พัฒนาการเหล่านี้บอกอะไรกับเรา? มันบอกเราว่า โลกเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา แม้แต่อายุของผลิตภัณฑ์ที่ต่างขยันเปิดตัวสิ่งใหม่ๆ ในทุกๆ ปี ทั้งในหน้าตาและเครื่องมือเครื่องใช้ที่เปลี่ยนไป
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเช่นกัน ประเทศไทยในวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมาย แม้จะมีบางสิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนอยู่บ้างก็ตาม เช่นเดียวกับที่อื่นๆ ในโลก
ถ้าไม่ตั้งใจจนเกินจริง แอปเปิลมองเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นในประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยหรือเปล่า หรือยังมองเราเป็นเพียง ประเทศโลกที่สาม สกปรก ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เต็มไปด้วยแมลง ร้อน วุ่นวาย เหมือนจะบอกว่า ประเทศตัวเองสุดล้ำ แต่ต้องมาตกระกำลำบากอยู่ในประเทศที่ทำให้นอนไม่หลับเลย เพราะสิ่งรบกวนต่างๆ
ทั้งที่อเมริกาเองก็ส่งออกซอฟท์พาวเวอร์มากมายสู่โลก ผ่านทั้งโฆษณาและภาพยนตร์ ในความตั้งใจให้ประเทศดูมีภาพลักษณ์ของความทันสมัย ล้ำด้วยเทคโนโลยี และความสมาร์ทของผู้คนหลากหลาย แม้จะเต็มไปด้วยปัญหาอาชญากรรมรุนแรงเกิดขึ้นแทบทุกวัน
Mood&Tone ที่ตั้งใจให้ภาพตัดกันกับความทันสมัยของอเมริกา
เพราะต้องการให้ภาพขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับความทันสมัยของโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนล้ำสุดๆ รุ่นล่าสุด เป็นเพราะอะไรนี่คือคำถาม? ช่วยสร้างยอดขาย?
เพราะแม้แต่โทรศัพท์ในยุคเอไอ ยังทำให้คนใช้ออกเสียงเพี้ยน แค่คำง่ายๆ ว่า “สวัสดี” ที่ชาวต่างชาติมาเมืองไทยออกเสียงได้ง่ายสุดๆ กลายเป็น “สวัสที่” หรือ ตั้งใจจะพูดว่า “ราตรีสวัส หญิงแก่”
เรียกว่ามีทุกมุมทุกซีนในสองสามวินาที ที่ตั้งใจฉายภาพความล้าหลังให้ดูตลกในสายตาคนดู Mood & Tone ตั้งใจให้ตัดกับภาพที่อเมริกาที่ดูล้ำทันสมัยในสีโทนเย็น ส่วนบ้านเราดูเก่าวินเทจ สุดเชย ทั้งฉากและการแต่งตัวของผู้คน
แน่นอนตอนนี้มีชื่อว่า The Underdogs: OOO (Out Of Office) ที่แอปเปิลต้องการนำเสนอว่า ใช้แอปเปิลแล้วสามารถทำงานได้ทุกที่ ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิต ก็เชื่อมโยงกันได้ทั่วทั้งโลก ทำให้ชีวิตดีขึ้น มีไอโฟนช่วยทำงานจนสำเร็จ ตลกตรงที่ต้องเดินทางมากมายก่ายกอง แต่ไปถึงพบว่าใช้โทรศัพท์โทรสั่งได้ค่ะ
หรือแอปเปิลจะบอกว่า โทรศัพท์สุดล้ำแต่หากคนใช้ไม่ล้ำก็เท่านั้น เพราะเพียงแค่โทรไปสั่ง ส่งไฟล์ต้นแบบกล่องที่ต้องการไปทางอีเมล ใช้เอไอปั้นต้นแบบตัวอย่างขึ้นมา ส่งไปให้นาย approve ที่อเมริกาได้แบบเรียลไทม์ โรงงานผู้ผลิต (ก็ยังดูเก่า เน้นความไม่แพงและแรงงานราคาถูก) ก็สามารถจัดการผลิตสิ่งที่ต้องการให้ได้ตามสเปคนับเป็นล้านกล่อง อาจไม่จำเป็นต้องเดินทางกันมากันไกลแสนไกล 3 คนจากอเมริกาเลยก็ได้?
ก็แล้วคุณลุง-คุณป้า Gen BabyBoom และหญิงสาว Gen X ทั้งสามคนนี้กำลังจะบอกอะไรเราอีก?
ยังไม่ถึงกับทำให้ Soft power ไทยพัง แต่ใครจะพังก่อน งานนี้ ต้องดูกันต่อไป...