จะดีแค่ไหนถ้าเมืองไทยมี “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์”? (2)
แนวทางและข้อสังเกต “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” รอบนี้เกิดไม่เกิด ใช้โมเดลไหนดี และกฎหมายเราต้องเข้มงวดแค่ไหน และถ้าทำให้ "ถูกกฎหมาย" สิ่งที่อยู่ใต้ดินจะเผยตัวขึ้นมาอยู่บนดินจริงหรือ?
บางประเทศอย่างญี่ปุ่นหรือสิงคโปร์ใช้เวลาศึกษาเรื่องนี้นานหลายปี และมีรายละเอียดมากมาย ญี่ปุ่นใช้เวลากว่า 10 ปี ก่อนที่จะกำหนดพื้นที่ไว้ 3 แห่ง แต่ปัจจุบันมีเพียงแห่งเดียวคือที่ “โอซาก้า” เท่านั้น ในส่วนของประเทศไทย คำถามคือ เราต้องศึกษากันอีกนานแค่ไหน กว่าจะเรียนรู้ว่า "การพนันถูกกฎหมาย" ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนเสมอไป และการเปิดให้มีกิจการสถานบันเทิงแบบครบวงจรก็ไม่ได้แปลว่า มีการปล่อยให้เล่นพนันอย่างเสรีโดยไร้ตัวบทกฎหมายที่จะเข้ามาควบคุม และมากกว่านั้นคือการสร้างความเข้าใจร่วมกันและการรับรู้ของผู้คนในสังคมด้วย
เพราะทุกวันนี้ เราปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่อยู่ใต้ดินก็ยังบันเทิงอยู่ใต้ดินแบบไม่มีการรับรู้/รู้เห็นจากฝ่ายรัฐ? จนเกิดเป็นวงจรนอกกฎหมายขนาดใหญ่ที่รัฐไม่อาจควบคุมได้เช่นกัน ปัญหาคือ ถ้าทำให้ "ถูกกฎหมาย" สิ่งที่อยู่ใต้ดินจะเผยตัวขึ้นมาอยู่บนดินจริงหรือ?
ในส่วนของประเทศไทยการศึกษา Entertainment Complex ตามแนวทางคณะกรรมาธิการสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร แบ่งออกเป็น 3 แนวทาง คือ 1.รัฐบาลลงทุนเอง 2.รัฐลงทุนร่วมกันกับเอกชน และ 3. การให้สัมปทานลงทุนกับเอกชน ซึ่งแนวทางสุดท้าย กมธ. ส่วนใหญ่เห็นว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด
กมธ.มีความเห็นว่า จากการศึกษาเปรียบเทียบดังกล่าวแล้วเห็นว่า หากประเทศไทยจะให้มีสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ที่มีสถานบริการกาสิโนรวมอยู่ด้วย ควรจะมีการยกร่างกฎหมายว่าด้วยสถานบันเทิงครบวงจรขึ้นมาใหม่ทั้งฉบับ จะทำให้เกิดประสิทธิภาพในด้านการดำเนินงานมากกว่าการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเดิม และต้องกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน
อาทิเป้าหมายในการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรและกาสิโนนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อการหารายได้เข้ารัฐ การส่งเสริมการท่องเที่ยว การกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น และเพื่อแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาต หน่วยงานที่จะเป็นผู้อนุญาต หน้าที่ในการกำกับดูแล
ความเข้มงวดของกฎหมาย
แม้กฎหมายควบคุมการพนันของทุกประเทศจะคล้ายคลึงกัน แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า กฎหมายของสิงคโปร์ มีความเข้มงวดมากที่สุด
กฎหมายควบคุมคาสิโนจะมีการกำหนดอายุขั้นต่ำตามกฎหมายที่จะเข้าไปเล่นการพนันได้ การจำกัดจำนวนเงินในการเล่นการพนันแต่ละครั้ง และที่สำคัญคือ รัฐบาลมีหน้าที่ตรวจสอบประวัติของผู้ประกอบการและพนักงานทุกคนว่าเคยเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม หรือการฟอกเงินใดๆ มาก่อนหรือไม่
ล่าสุดกระทรวงการคลังได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... (ร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงฯ) โดยเปิดให้รับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.-18 ส.ค.2567
ประเด็นที่น่าสนใจในร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ประเด็นหนึ่งก็คือ หลักเกณฑ์เงื่อนไขของผู้ประกอบการที่จะมาดำเนินการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรมีอย่างไรบ้าง ซึ่งโพสต์ทูเดย์ได้เจาะประเด็นสำคัญๆ ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วก่อนหน้านี้ เช่น
คุณสมบัติสำคัญของผู้ที่ยื่นประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (คลิกอ่านรายละเอียด)
ในส่วนของพื้นที่ประกอบกิจการต้องมีคุณสมบัติดังนี้:
- เป็นพื้นที่ที่ประกาศกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาเท่านั้น
- ต้องมี กาสิโน ในพื้นที่ประกอบกิจการ
- ต้องประกอบธุรกิจบันเทิงตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.อย่างน้อย 4 ประเภท
ผู้ที่ยื่นประกอบกิจการฯ ไม่สามารถประกอบกิจการกาสิโนโดดๆ เพียงประเภทเดียวได้
แต่ต้องมีธุรกิจบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายดังต่อไปนี้ (อย่างน้อย 4 ประเภท):
1 ห้างสรรพสินค้า
2 โรงแรม
3 ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ หรือบาร์
4 สนามกีฬา
5 ยอร์ชและครูซซิ่งคลับ
6 สถานที่เล่นเกม
7 สระว่ายน้ำและสวนน้ำ
8 สวนสนุก
9 พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้าโอOTOP
10 กิจการอื่นๆตามที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด *ต้องเป็นพื้นที่ได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการนโยบาย
การดำเนินการตาม ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร
- เมื่อได้รับใบอนุญาต ต้องประกอบการด้วยตัวเอง จะมอบการบริหารทั้งหมดหรือบางส่วนให้บุคคลอื่นดำเนินการทั้งหมด หรือบางส่วนไม่ได้ เว้นได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการนโยบายก่อน
- ห้ามโอนสิทธิตามใบอนุญาตให้คนอื่น ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนเว้นได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการนโยบายก่อน
- ห้ามจัดให้มีการเล่นการพนันผ่านระบบคอมพิวเตอร์ฯผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตให้กับบุคคลภายนอก กาสิโน
- ห้ามบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ามาในกาสิโน
- คนไทยต้องลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมเพื่อเข้ามาในกาสิโนครั้งละ 5,000 บาท
- ห้าม เชิญชวน โฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเกี่ยวกับ กาสิโน เว้นแต่ เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
- สามารถปล่อยกู้ให้กับผู้เข้าเล่นการพนันใน กาสิโน ได้ (ตามเงื่อนไขที่ คณะกรรมการนโยบายกำหนด)
ระยะเวลาการดำเนิการตามใบอนุญาต
- ใบอนุญาตมีอายุ 30 ปี
- เมื่อครบกำหนดขอต่ออายุได้คราวละไม่เกิน 10 ปี
สิงคโปร์อนุญาตให้มีธุรกิจกาสิโนที่ถูกกฎหมายครั้งแรกในปี 2553 โดยมีเพียง 2 แห่ง คือ Resorts World Sentosa และ Marina Bay Sands และมีนโยบายควบคุมจำนวนไว้เพียงเท่านี้จนถึงปี 2573
ล่าสุดหลังจาก “ลอว์เรนซ์ หว่อง” ก้าวขึ้นเป็นผู้นำของ สิงคโปร์ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โครงการคาสิโนรีสอร์ททั้ง 2 แห่งกำลังเปิดฉากการพัฒนาระยะที่ 2 เป็นส่วนขยายขนาดใหญ่ของโครงการแรก ด้วยมูลค่าการลงทุน ร่วมๆ 10,000 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือราว7,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยกว่า 2.72 แสนล้านบาท
มารีนา เบย์ แซนด์ส ที่ใช้พื้นที่กาสิโนเพียง 15,000 ตารางเมตร หรือ 2.5% จากพื้นที่ 5.8 แสนตารางเมตร
ความโดดเด่นมาจากสถาปัตยกรรมโครงสร้างรูปเรือของอาคาร 3 หลังที่มีสวนอยู่บนดาดฟ้า ล่าสุดจะลงทุนสร้าง “อาคารที่สี่” ซึ่งเป็นโรงแรมในเดือนกรกฎาคมปีหน้า พร้อมทั้งสนามกีฬาใหม่มีความจุถึง 15,000 ที่นั่ง เพื่อใช้จัดงานอีเวนท์ใหญ่ๆ และจะมีพื้นที่กาสิโนเพิ่มขึ้นอีก 2,000 ตร.ม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกรกฎาคม ปี 2029
ส่วนรีสอร์ต เวิร์ล์ด เซนโตซา บนเกาะเซนโตซาจะลงทุนเพิ่มจำนวนห้องพักของโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 700 ห้อง โดยจะมีพื้นที่กาสิโน เพิ่มขึ้นอีก 500 ตร.ม.
รัฐบาลสิงคโปร์จัดเก็บภาษีจากธุรกิจการพนันในอัตรา 22% ของรายรับ และคาดว่าอุตสาหกรรมกาสิโนในสิงคโปร์จะฟื้นตัวในปี 2568
มีการกำหนด ควบคุม ผู้เล่นว่าต้องมีอายุเท่าไหร่ รวมทั้งการกำหนดจำนวนรายได้ของผู้เล่นที่สามารถเข้าไปเล่นได้โดยไม่เดือดร้อน หรือผู้เล่นที่เป็นชาวต่างชาติต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน
ในประเทศสิงคโปร์ คนสิงคโปร์และคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปี สามารถเข้ากาสิโนได้โดยเสียค่าเข้า (entrance fee) 150 ดอลลาร์สิงคโปร์ ประมาณ 3,900 บาทต่อวัน และคนต่างชาติที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศ ไม่ต้องเสียค่าเข้ากาสิโน (entrance fee) และคนต่างชาติที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศเท่านั้นที่สามารถใช้บัตรเครดิต (credit card) ซื้อชิปได้
ส่วนคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศสิงคโปร์ไม่สามารถใช้บัตรเครดิต (credit card) ซื้อชิปได้ ยกเว้น ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย เช่น ได้ขึ้นทะเบียนในโปรแกรมของผู้ประกอบการกาสิโน และมีบัญชีเงินฝากกับผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ประมาณ 2,600,000 บาท เป็นต้น
ส่วนญี่ปุ่นมีกำหนดพื้นที่ไว้ 3 แห่ง แต่ปัจจุบันมีเพียงแห่งเดียวที่ “โอซาก้า”
ประเทศญี่ปุ่นอนุญาตให้มีการประกอบธุรกิจกาสิโนได้เฉพาะในกิจการ SIR หรือ Specified Integrated Resort เท่านั้น และยังอนุญาตให้แต่ละ SIR มีกาสิโนได้เพียง 1 แห่งเท่านั้น และพื้นที่กาสิโนต้องมีไม่เกิน 3% ของพื้นที่ SIR ทั้งหมด
ซึ่งปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นกำหนดให้มีกาสิโนได้จำนวน 3 แห่ง และจะพิจารณาเกณฑ์ใหม่ภายอีก 7 ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุมัติ แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นยังมีกาสิโนเพียง 1 แห่ง เท่านั้น คือที่ โอซากา
ญี่ปุ่นกำหนดให้คนญี่ปุ่นและคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป สามารถเข้ากาสิโนได้เพียง 3 ครั้งต่อ 28 วัน โดยเสียค่าเข้า 6,000 เยน ประมาณ 1,500 บาทต่อวัน สำหรับคนต่างชาติที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศไม่ต้องเสียค่าเข้ากาสิโน คนญี่ปุ่นและคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศจะต้องใช้เงินสด หรือวิธีการอื่นตามกฎเกณฑ์ของคณะกรรมการควบคุมการประกอบการกาสิโนในการซื้อชิปเท่านั้น ส่วนคนต่างชาติที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศ สามารถใช้บัตรเครดิตซื้อชิปได้
หน่วยงานที่ควบคุมกาสิโน
ในประเทศสิงคโปร์ มีหน่วยงานที่กำกับดูแลการพนัน หรือ Gambling Regulatory Authority (GRA) อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย ส่วนในประเทศญี่ปุ่นจะมีการควบคุมและกำกับดูแลในรูปแบบของคณะกรรมการควบคุมการประกอบการกาสิโน และขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี เรียกว่า คณะกรรมการ Casino Regulatory Commission
เห็นได้ว่าแต่ละประเทศมีวิธีการจัดการกับธุรกิจการพนันและสถานบันเทิงแบบครบวงจรที่แตกต่างกัน แต่มีจุดร่วมที่สำคัญคือ การควบคุมอย่างเข้มงวด
คำถามสำคัญก็คือ การเปิดให้มี “เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์” ในไทย จะทำให้ธุรกิจพนันใต้ดิน ขึ้นมาอยู่บนดินได้จริงหรือไม่? และเรามีศักยภาพในการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว Entertainment Complex ได้ด้วยวิธีใด?
การตั้งตัวเองเป็นฮับในด้านต่างๆ สุขภาพ การแพทย์ การบิน ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MOR) ไปจนถึงการสร้างให้ "สนามบินเป็นจุดหมายปลายทาง" ไม่ใช่แค่สนามบิน แต่คือ "คอมเพล็กซ์" ขนาดใหญ่ที่รวมกิจกรรม สรรพสินค้า โรงแรมและความบันเทิงต่างๆ เอาไว้ในพื้นที่เดียว เช่นที่ โครงการพัฒนา "เมืองสนามบินภาคตะวันออก" ที่สนามบินอู่ตะเภาวางยุทธศาสตร์ไว้ดังนั้น
อย่างไรก็ตาม มีการประเมินมูลค่าการลงทุนในโครงการพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศไทยที่ท่าเรือคลองเตย (พื้นที่ 2,353 ไร่) ซึ่งเป็นโครงการลงทุนขนาด XL ว่ามีมูลค่าเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท คาดว่าจะใช้ระยะเวลาสร้างประมาณ 3-4 ปี โดยจะมีขนาดใกล้เคียงกับ The Venetian Macao ของมาเก๊า ที่มีมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 9 หมื่นล้านบาท ส่วน Entertainment Complex ที่ประเทศสิงคโปร์ ได้แก่ Marina Bay Sands และ Resort World Sentosa มีขนาดใหญ่กว่าเกือบ 2 เท่า...
และมีความเป็นไปได้ที่โอกาสอาจจะเป็นของ "อีอีซี" ที่จังหวัดระยอง โดยที่กรรมาธิการจะมีการพูดถึงตรงนี้มากสุด ขณะเดียวกันอีอีซีเองก็มีการแสดงความพร้อมมากที่สุด
จากข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร
รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่องศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอการศึกษาออกเป็น 3 ด้าน ยังมีการตั้งข้อสังเกตบางประการที่โพสต์ทูเดย์ยกมาแสดงบางส่วนดังนี้
การมีสถานบันเทิงครบวงจรจะทำให้รัฐสามารถควบคุม หรือกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบางประเภทที่มีผลกระทบต่อประชาชนในภาพรวมได้ดีขึ้น เช่น ธุรกิจกาสิโน หรือการเล่นพนันถูกกฎหมาย
ควรพิจารณาถึงรูปแบบการลงทุนที่เปิดกว้าง โดยรัฐลงทุนร่วมกันกับเอกชน หรือการให้สัมปทานหรือให้ใบอนุญาตกับเอกชน จะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน รอบคอบ
พื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการจะตั้งเป็นสถานบันเทิงครบวงจร เช่น ต้องอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติ มีโครงสร้างพื้นฐานที่มีมาตรฐานสามารถรองรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก
ควรมีการตั้ง “ภาษีกาสิโน” ขึ้นมาโดยเฉพาะ และควรมีการกำหนดอัตราภาษีและค่าธรรมเนียม ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม และเป็นการเฉพาะต่างหากจากอัตราภาษีปกติทั่วไปที่มีอยู่
ควรจัดตั้งหน่วยงานในการกำกับดูแลการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร และมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบเชิงวัฒนธรรม มาตรการทางกฎหมายสำหรับสถานประกอบกิจการที่อยู่ในความรับผิดชอบ มาตรการทางสังคมในลักษณะการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน
ควรมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อลดผลกระทบจากการพนันและสถานบันเทิงครบวงจร โดยจัดสรรเงินรายได้จากธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและการพนันเข้ากองทุน
ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงครบวงจร การศึกษาถึงรูปแบบ วิธีการ รวมถึงระเบียบหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง สถานประกอบการ ตลอดจนการเล่นการพนันที่ใช้บังคับในปัจจุบัน เพื่อนำมาพัฒนาหรือแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย หรือยกร่างกฎหมายขึ้นมาใหม่ให้สอดคล้อง เหมาะสมกับสภาพการณ์ และบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน
ข้อสังเกต
• ควรมีการพัฒนาปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ รวมถึงการร่างกฎหมายเฉพาะในกิจการสถานบันเทิงครบวงจร ควรปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงครบวงจรอย่างเป็นระบบ