posttoday

โตโยต้าเตรียมผลิตแต่รถไฮบริด หลังความต้องการ EV แผ่วลง

22 สิงหาคม 2567

โตโยต้าเตรียมขยับตัวครั้งใหญ่ อาจเลิกผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันเบนซินอย่างเดียว แล้วหันมาผลิตแต่รถยนต์ไฮบริดแทน หลังยอดขายไฮบริดพุ่ง EV แผ่ว

โตโยต้าอาจเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รุ่นเก่าที่พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าได้ช้าที่สุด แต่ก็อาจเป็นบริษัทแรกๆ ที่เลิกการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินอย่างเดียว แล้วหันมาผลิตแต่รถยนต์ไฮบริด หลังเกือบ 30 ปี (หากยังจำกันได้) ที่โตโยต้าเปิดตัว Prius ซึ่งถือเป็นรุ่นบุกเบิกในระบบไฮบริดที่ใช้น้ำมันเบนซินและไฟฟ้า 



2025 TOYOTA CAMRY HEV

 

โตโยต้ากำลังเคลื่อนตัวเข้าสู้การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในการผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่หรืออาจทั้งหมดในกลุ่มรถยนต์โตโยต้าและเลกซัสไปสู่รุ่นไฮบริดเท่านั้น ผู้บริหารของโตโยต้าให้ข้อมูลดังกล่าวกับรอยเตอร์ และการที่โตโยต้ามุ่งไปที่การผลิตรถยนต์ไฮบริดมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นเพราะความท้าทายและความแพร่หลายที่ขยายวงกว้างมากขึ้นในอุตสาหกรรม รวมไปถึงกฎเกณฑ์เดิมๆ ที่เปลี่ยนไปทางรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกต้องขยับตัวครั้งสำคัญ

 

Akio Toyoda ประธานบริษัท Toyota กล่าวเมื่อเดือนมกราคมว่า เขาเชื่อว่าส่วนแบ่งของ EV ทั่วโลกจะอยู่ที่ระดับสูงสุดเพียง 30% เท่านั้น โตโยต้าจึงเลือกใช้กลยุทธ์ "หลายเส้นทาง" (multi-pathway) ซึ่งรวมตัวเลือกไว้มากมายทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน เชื้อเพลิงสีเขียว และอาจรวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้น

 

เดวิด คริส หัวหน้าฝ่ายขายและการตลาดของโตโยต้าในอเมริกาเหนือ กล่าวกับรอยเตอร์ว่า

“ในอนาคตข้างหน้า เราวางแผนจะประเมินแบบคาร์ไลน์ต่อคาร์ไลน์ว่าการใช้ระบบไฮบริดทั้งหมดนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่”

 

การประเมินดังกล่าวอาจจะมาพร้อมรถยนต์รุ่นใหม่ในทุกรุ่น อาจรวมถึงการยกเครื่อง Toyota RAV 4 ที่จะเปิดตัวในปี 2026 ด้วย เพราะปัจจุบันรถรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในอเมริกาและมีเวอร์ชันไฮบริดแล้ว

 

2025 TOYOTA CAMRY HEV

 

นอกจากนี้ แหล่งข่าวอีก 2 รายเผยว่า Toyota กำลังหารือเกี่ยวกับการวางแผนผลิตภัณฑ์ โดยมีแนวโน้มสูงที่จะเลิกวางขายรถยนต์น้ำมันเบนซินในตลาดอเมริกาเหนือ แต่แผนนี้ยังอยู่ในระหว่างหารือกันเท่านั้น ยังไม่ได้สรุปเพื่อตัดสินใจขั้นสุดท้าย

 

ปัจจุบัน Toyota ได้เลิกขาย Camry รุ่นน้ำมันเบนซิน โดย Camry โมเดลปี 2025 เป็นรถยนต์ซีดานที่ขายดีที่สุดในอเมริกา ส่วนรถรุ่น Land Cruier และมินิแวน Sienna ตอนนี้ก็วางขายเฉพาะรุ่นไฮบริดเท่านั้น

 

แหล่งข่าวลับอีก 2 รายยังเปิดเผยว่า โมเดลไฮบริดหลายรุ่นของโตโยต้ามีแนวโน้มที่จะมาในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) พร้อมแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่า

 

กลยุทธ์ไฮบริดของโตโยต้ามีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งท้อปของตัวเองในตลาดโลก เนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าช้าลง ส่วนหนึ่งมาจากราคาที่สูงและความยุ่งยากในการชาร์จ

 

รถไฮบริดของโตโยต้าไม่จำเป็นต้องชาร์จ และสลับการใช้งานระหว่างพลังงานน้ำมันเบนซินและพลังงานไฟฟ้าได้อย่างราบรื่น หรือใช้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน ขึ้นอยู่กับสภาพการขับขี่ 

 

ผู้บริหารของโตโยต้าและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกล่าวว่า กลยุทธ์ไฮบริดนี้ยังช่วยให้โตโยต้าได้เปรียบในการปฏิบัติตามข้อจำกัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ ของสหรัฐอเมริกา ในขณะที่สหรัฐฯ ลดขีดจำกัดด้านมลพิษภายใต้กฎระเบียบที่ประกาศเมื่อเดือนมีนาคม ยอดขายรถยนต์ไฮบริดที่สูงขึ้นของโตโยต้าอาจช่วยให้สามารถประหยัดเงินค่าปรับและต้นทุนด้านกฎระเบียบได้หลายพันล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันก็ซื้อเวลาให้โตโยต้ามากขึ้นในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าหรือยานพาหนะอื่นๆ ที่ไร้มลพิษ

 

ยอดขายรถยนต์ไฮบริดของโตโยต้าในสหรัฐฯ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน เพิ่มขึ้น 66% จากปีที่แล้วเป็น 438,845 คัน เทียบกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเพียง 15,107 คัน Cox Automotive ในแอตแลนตาประมาณการว่า การเติบโตของความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าจะยังคงอยู่ในระดับปานกลางในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

 

“การเติบโตของ EV จะยังคงดำเนินต่อไป แต่จะไม่ก้าวไปอย่างรวดเร็วอย่างที่เราเห็นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” Stephanie Valdez Streaty นักวิเคราะห์อาวุโสของ Cox กล่าว “รถไฮบริดและปลั๊กอินที่ใช้น้ำมันและไฟฟ้าแบบปกติจะยังคงกินยอดขาย EV ต่อไปในระหว่างนี้ เนื่องจากเป็นทางเลือกที่ง่ายกว่าและคุ้นเคยมากกว่า และไม่มีความกังวลในเรื่องระยะทาง”