ถ่านหิน พลังงานสะอาด โอกาสทางเศรษฐกิจของลำปาง ไปด้วยกันอย่างไร?
“ถ่านหิน โอกาส เศรษฐกิจลำปางที่ยังไปไม่ถึง”
คณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนาว่าด้วย “ถ่านหิน โอกาส เศรษฐกิจลำปางที่ยังไปไม่ถึง” ณ อาคารหอประชุมจำป่าแดด ที่ว่าการอำเภอแม่เมาะ มีประชาชนอำเภอแม่เมาะกว่า 300 คน รวมทั้งหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เข้าร่วม
ชลธานี เชื้อน้อย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ลำปาง เขต 3 พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการพลังงาน กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา การผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินของโรงไฟฟ้าแม่เมาะดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อำเภอแม่เมาะกลายเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของการผลิตไฟฟ้า ความนึกคิดของผู้คนต่างพื้นที่เมื่อได้ยินชื่อแม่เมาะคงนึกถึงพื้นที่เหมืองขนาดใหญ่”
“สิ่งที่น่ากังวลและจะเกิดขึ้นในอนาคต คือการที่ถ่านหินหมดหรือการปิดเหมืองด้วยนโยบายของรัฐบาล เพื่อสอดรับกับทิศทางที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญต่อพลังงานสะอาดและยุติการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสกปรก”
ศุภโชติ ไชยสัจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการพลังงาน ให้ข้อมูลถึงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567 – 2580 ซึ่งดำเนินงานโดยสำนักงานนโยบายและแผน กระทรวงพลังงาน ว่า “แผนดังกล่าวยังคงกำหนดการใช้พลังงานถ่านหินไว้ประมาณ 7% เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนอำเภอแม่เมาะโดยตรง ปัจจุบันโรงไฟฟ้าแม่เมาะ มีพนักงงานและลูกจ้างมากถึง 9,000 คน หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดลำปาง (GPP) จะสูญเสียมากถึง 12,505 ล้านบาทต่อปี (GPP จังหวัดลำปาง อยู่อันดับที่ 41 ของประเทศในปัจจุบัน) สิ่งสำคัญในเวลานี้ คือ แผนการรองรับที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรม”
“ปัจจุบันมีหลายจังหวัดในประเทศ กำลังผลักดันวาระการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero emission) อย่างเป็นระบบ เช่น จังหวัดสระบุรีที่ดำเนินการเรื่องของพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม หรือ จังหวัดกระบี่ที่ดำเนินการเรื่องการสร้างเศรษฐกิจสีเขียวและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” ศุภโชติ ให้ข้อมูลภาพรวมของการดำเนินงาน
ต่อมา โครงการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรม องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ที่เข้ามามีส่วนร่วมผลักดันโครงการเปลี่ยนผ่านพลังงานในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ได้นำเสนอข้อมูลการทำงานในช่วงเวลาที่ผ่านมา อันมุ่งเน้นให้องค์ความรู้แก่ประชาชน ต่อทิศทางการดำเนินงานด้านการเข้าถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับพลังงานทดแทน
สุชาติ คล้ายแก้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน GIZ กล่าวว่า “ GIZ ผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ มีการบูรณาการทำงานหลายฝ่าย โดยรัฐบาลของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอมรมนีเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ สำหรับประเด็นพื้นที่อำเภอแม่เมาะ มีวัตถุประสงค์เพื่อการยกระดับเศรษฐกิจของชุมชนให้เกิดความยั่งยืนเป็นธรรม และเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานคาร์บอนต่ำ”
“GIZ บูรณาการทำงานร่วมกันกับโครงการแม่เมาะ สมาร์ทซิตี้, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กระทรวงพลังงานและคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร และประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางการทำงาน ช่วงที่ผ่านมามีการจัดอบรมพัฒนาศักยภาพการทำงานของประชาชนแม่เมาะ ในการทำงานรองรับกับการพัฒนาสู่การใช้พลังงานสะอาด” สุชาติ กล่าว
ปัญหาของแม่เมาะยังคงอยู่ เมื่อระยะเวลากำหนดการเปลี่ยนแปลง ทำอย่างไรที่ทุกคนจะไม่ตกขบวนการเปลี่ยนผ่าน ?
“ต้องไม่หลงลืมว่าปัญหาหลายอย่างของอำเภอแม่เมาะยังคงอยู่ ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้แล้วเสร็จ เช่น กรณีการออกเอกสารสิทธิรองรับการอพยพ หรือการพัฒนาพื้นที่ผ่านการใช้งบประมาณของกองทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าแม่เมาะ” ชลธานี กล่าว
ช่วงที่ผ่านมาประชาชนอำเภอแม่เมาะได้ร่วมกันเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินงานเรื่องการออกเอกสารสิทธิ์สำหรับผู้ที่อพยพมาจากพื้นที่ดั้งเดิม ปัจจุบันหลายกรณีอยู่ระหว่างการดำเนินงานของหน่วยงานราชการระดับกรม ภายหลังจากการลงพื้นที่ของหลายหน่วยงาน อาทิ คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร, คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นต้น บางกรณีมีมติคณะรัฐมนตรียืนยันหลักการต้องได้รับเอกสารสิทธิมาตั้งแต่ปี 2544
หรือในกรณีของกองทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ช่วงที่ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง มีการให้สัมภาษณ์ต่อความผิดปกติของงบประมาณของกองทุนว่า “กฎหมายระบุว่าการให้เงินชดเชยจะถูกกฎหมาย เมื่อให้แก่ผู้ที่อยู่รอบโรงไฟฟ้าในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร แต่การร้องเรียนครั้งนี้ระบุว่ามีการให้แก่ผู้ที่อยู่เกิน 5 กิโลเมตร จึงสงสัยว่าจ่ายในรัศมีเกินได้อย่าไร” หรือการเบิกจ่ายงบประมาณของกองทุน
ณรงค์ศักดิ์เคยให้ข้อมูลไว้ว่า “ถ้ามันผิดกฎหมายแล้วเราอนุมัติย้อนหลัง คนอนุมัติย้อนหลังก็ผิดกฎหมาย ถามว่าผิดกฎหมายคืออะไร ติดคุก” สำหรับกองทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าแม่เมาะ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำงบประมาณสนับสนุนการสร้างประโยชน์แก่ประชาชนและชุมชนรอบโรงไฟฟ้า โดยงบประมาณของกองทุนมาจากเงินค่าไฟฟ้าที่ผู้รับใบอนุญาตผลิตไฟฟ้านำส่งเข้ากองทุนฯ
วัตถุประสงค์ของเวทีเสวนานี้เป็นไป เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการพลังงานของประเทศไทย และความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการถ่านหินเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้า แผนพัฒนาแม่เมาะ และนโยบายการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรมในพื้นที่ถ่านหิน
“สิ่งที่เราทุกคน ทุกหน่วยงาน ต้องดำเนินการเตรียมรับมือ คือ การรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อกำหนดแผนการรองรับที่จะเป็นประโยชน์ต่อการรองรับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น พลิกวิกฤติให้กลายเป็นโอกาส นำร่องการนำโครงการพลังงานหมุนเวียนมาริเริ่มในพื้นที่” คุณชลธานี เชื้อน้อย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ลำปาง เขต 3 พรรคประชาชน กล่าวทิ้งท้าย
"ลำปาง” และ "โครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่" หนึ่งใน Smart City รุ่นแรกของไทย กับก้าวต่อไปสู่การเป็น Mae Moh Power Green Area
หลังจาก กฟผ. แม่เมาะ ได้รับตราสัญลักษณ์ Smart City เมื่อช่วงปลายปี 2021 ในช่วงต้นปี 2022 ก็ได้จัดตั้ง “โครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่” ขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะพัฒนาพื้นที่แม่เมาะในหลากหลายมิติ เหตุที่ กฟผ. แม่เมาะ เร่งทำงานแข่งกับเวลา เป็นเพราะคาดการณ์ไว้แล้วว่าถ่านหินที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะอาจหมดลงในช่วงปี 2050 เมื่อ กฟผ. แม่เมาะแบกรับหน้าที่การผลิตไฟฟ้าป้อนพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ กฟผ. แม่เมาะ ต้องเร่งหาพลังงานสะอาดมาทดแทน และการได้มาซึ่งพลังงานสะอาดนั้น ก็สามารถเชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชนแม่เมาะได้อย่างลงตัว
ประเด็นหลักของเวทีเสวนานี้ตั้งใจให้เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวคิดการพัฒนาพื้นที่แม่เมาะ โอกาสสำคัญของแม่เมาะที่จะเกิดขึ้นในช่วง 5-10 ปี ผลกระทบในอนาคตหากโรงไฟฟ้าแม่เมาะจำเป็นต้องปรับลดกำลังการผลิตไฟฟ้าลง อุปสรรคด้านกฏหมายในพื้นที่แม่เมาะ การบริหารจัดการกองทุนพัฒนารอบโรงไฟฟ้าแม่เมาะ มุมมองการทำแผนเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากต่างประเทศ โอกาสของอุตสาหกรรมจังหวัดลำปางหากมีพลังงานที่สะอาด ประสบการณ์ของผู้บรรยายด้านการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนที่ยั่งยืนและโอกาสของประชาชนชาวลำปาง
Fact:
ประเทศไทยมีปริมาณสำรองถ่านหินมากกว่า 2,000 ล้านตัน โดยในจำนวนนี้คิดเป็นปริมาณสำรองที่ประเมินแล้ว (Measured Reserve) ประมาณ 1,100 ล้านตัน แหล่งถ่านหินส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณตอนเหนือของประเทศ โดยมีศักดิ์ของถ่านหิน (Coal Rank) อยู่ในระดับลิกไนต์ (Lignite) ซับบิทูมินัส (Sub-Bituminous) จนถึงบิทูมินัส (Bituminous) มีบ้างที่มีศักดิ์เป็นแอนทราไซต์ (Anthracite) แต่มีปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งพบได้ที่แหล่งในจังหวัดเลย ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
การผลิตถ่านหินในประเทศ
ถ่านหินของประเทศส่วนใหญ่มาจากเหมืองของแม่เมาะของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ซึ่งในปี พ.ศ. 2543 มีปริมาณการผลิตลิกไนต์ถึง 13.6 ล้านตัน คิดเป็นปริมาณมากกว่า 3 ใน 4 ของปริมาณการผลิตทั้งประเทศ
นอกจากนี้ยังมีแหล่งผลิตถ่านหินสำคัญอีก 3 แหล่ง คือ แหล่งที่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน มีกำลังการผลิตรวม 1.9 ล้านตัน แหล่งที่ อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง ปริมาณการผลิต 1.6 ล้านตัน และแหล่ง อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยามีประมาณการผลิต 0.2 ล้านตัน ซึ่งทั้ง 3 แหล่งนี้ดำเนินการผลิตโดยบริษัทเอกชน นอกจากนี้มีการผลิตจากแหล่งอื่นๆ เล็กน้อยรวมกันแล้วประมาณ 0.4 ล้านตัน
ถ่านหินที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ประเทศไทยมีการนำเข้าถ่านหินคุณภาพสูง โดยมีการนำเข้าถ่านหินบิทูมินัสในปริมาณมากที่สุด เนื่องจากแหล่งถ่านหินส่งออกของภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่ผลิตถ่านหินบิทูมินัส ซึ่งมีคุณภาพดี
โดยในปี 2544 มีมูลค่ากว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าการนำเข้าถ่านหินทั้งหมด รองลงมาได้แก่ถ่านหินแอนทราไซต์ และถ่านโค้กและเซมิโค้ก ตามลำดับ โดยมีปริมาณนำเข้าถ่านหินจากประเทศอินโดนีเซียมากที่สุดประมาณร้อยละ 65 รองลงมาได้แก่ เวียดนาม พม่า ออสเตรเลีย จีน ลาว และอื่นๆ ตามลำดับ เนื่องจากการเลือกใช้ถ่านหินขึ้นอยู่กับคุณภาพและระยะทางขนส่ง การนำเข้าถ่านหินจึงมาจากประเทศใกล้เคียง เพื่อให้ได้ถ่านหินที่มีคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสมนั่นเอง
การใช้ถ่านหินในประเทศไทยและแนวโน้มในอนาคต การใช้ถ่านหินภายในประเทศจำกัดอยู่ในลักษณะที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงสันดาปโดยตรง และใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตและใช้ความร้อนใน 2 ภาค การผลิต คือ
1 ภาคการผลิตไฟฟ้า (Power Sector)
2 ภาคอุตสาหกรรม (Non-power Sector or Industrial Sector) ถ่านหินที่ใช้ในประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้ในการผลิตภาคไฟฟ้าถึงร้อยละ 81 ที่เหลือร้อยละ 19 ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเรียงตามลำดับการใช้จากมากไปหาน้อยได้ ดังนี้ อุตสาหกรรมซีเมนต์ กระดาษ เยื่อไฟเบอร์ อาหาร ปูนขาว ใบยาสูบ โลหะ แบตเตอรี่ และอื่นๆ
ภาพ: สรวิชญ์ หงษ์พาเวียน
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.lannernews.com
กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน
กฟผ. แม่เมาะ