คมนาคม ขานรับนโยบาย พร้อมปั้น 'เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์' ท่าเรือกรุงเทพ

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงนโยบายพัฒนาท่าเรือกรุงเทพ โดยระบุว่า ตั้งแต่รัฐบาลในยุคของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่เคยมีนโยบายการย้ายท่าเรือกรุงเทพ มีเพียงนโยบายปรับปรุงท่าเรือกรุงเทพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเอื้อต่อการขนส่งทางน้ำและเรื่องของระบบโลจิสติกส์

นอกจากนี้ยังเป็นนโยบายพัฒนาพื้นที่ของท่าเรือกรุงเทพที่มีทั้งหมด 2,353 ไร่ บริหารจัดการให้พื้นที่เกิดประสิทธิภาพและสร้างรายได้สูงสุด นำบางพื้นที่ที่ไม่ก่อประโยชน์หรือมูลค่า มาพัฒนาผ่านการแบ่งสัดส่วนและพื้นที่เพื่อรองรับการขนส่ง และนำมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย โครงการด้านพาณิชย์ต่างๆ ภายใต้แผนพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Port)

“พื้นที่ในท่าเรือคลองเตยมีทั้งหมด 2,353 ไร่ ซึ่งเราต้องมาคิดว่าการบริหารท่าเรือที่เป็นการนำเข้าและส่งออก และกิจกรรมการขนส่งตู้สินค้าถ่ายลำ (Transshipment) บางพื้นที่ไม่ก่อประโยชน์หรือมูลค่าได้ จึงต้องแบ่งสัดส่วนและพื้นที่ว่าจะบริหารพื้นที่ท่าเรือคลองเตยอย่างไร โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เคยมีการศึกษาการพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Port) แล้ว” นางมนพร กล่าว
 

ส่วนประเด็นของนโยบายรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์)

ต้องชี้แจงว่าหลายฝ่ายอาจจะมองประเด็นการย้ายท่าเรือกรุงเทพ เพื่อนำไปพัฒนาโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือไม่นั้น กระทรวงฯ ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดในจุดนั้น แต่ท่าเรือกรุงเทพเป็นหนึ่งในเป้าหมายในการพัฒนาโครงการ แต่จะไม่ได้ใช้พื้นที่ทั้งหมดเพื่อทำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และเชื่อว่าคงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ น่าจะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วม ดังนั้นต้องรอความชัดเจนในการแถลงนโยบายรัฐบาลก่อน

“ตอนนี้การท่าเรือแห่งประเทศไทยมีแผนพัฒนาท่าเรือกรุงเทพในลักษณะ Smart Port ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในลักษณะผสมผสาน (Mixed-Use) การขนส่งเรือถ่ายลำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การสร้างสนามกีฬา การย้ายผู้อยู่อาศัยขึ้นบนตึกสูง ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ในแผนที่การท่าเรือฯ จะดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ใช่พื้นที่ทั้งหมดจะนำไปทำโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์”

นางมนพร กล่าวด้วยว่า การสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นหนึ่งในนโยบายต้องแถลงต่อรัฐสภา โดยหากมีความชัดเจนในด้านนโยบายแล้ว หลังจากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปประชุมหารือกัน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่กระทรวงคมนาคมเพียงอย่างเดียว แต่เรื่องนี้จะต้องมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่านายกรัฐมนตรีจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาเรื่องนี้อย่างโปร่งใส