posttoday

สภา กทม. เคาะจ่ายหนี้ BTS 1.45 หมื่นล้าน

12 กันยายน 2567

ผู้ว่าฯ กทม. เสนอ สภา กทม. จ่ายค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียว 1.45 หมื่นล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด

นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2567 วันนี้ (11 ก.ย.) โดยมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมการประชุม ณ สภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เนื่องจากกรุงเทพมหานครมีความประสงค์จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เป็นค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งสภากรุงเทพมหานครได้ให้ความเห็นชอบจ่ายขาดเงินสะสมแล้ว ซึ่งตามหลักการได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... เป็นจำนวนไม่เกิน 14,549,503,800 บาท (หนึ่งหมื่นสี่พันห้าร้อยสี่สิบเก้าล้านห้าแสนสามพันแปดร้อยบาทถ้วน) เป็นรายจ่ายพิเศษจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร จึงขอความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานคร

สภา กทม. เคาะจ่ายหนี้ BTS 1.45 หมื่นล้าน

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครมีความจำเป็นต้องจ่ายรายจ่ายพิเศษจากเงินสะสมจ่ายขาดของกรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 97 และมาตรา 103 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 ประกอบกับข้อ 12 แห่งข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง เงินสะสม พ.ศ. 2562 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง เงินสะสม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564 กรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของสภากรุงเทพมหานคร จึงตราข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

สภา กทม. เคาะจ่ายหนี้ BTS 1.45 หมื่นล้าน

ข้อ 1 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้เรียกว่า "ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .."

ข้อ 2 ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ 3 งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (ฉบับที่ ..) พ.ศ..... ให้ตั้งเป็นรายจ่ายพิเศษ จำนวน 14,549,503,800 บาท ตามรายละเอียดเอกสารงบประมาณ โดยจำแนกดังนี้ งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ สำนักการจราจรและขนส่ง งบประมาณภารกิจประจำพื้นฐานผลผลิตระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ 14,549,503,800 บาท

ข้อ 4 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครควบคุมการใช้จ่ายเงินและการบริหารงบประมาณตามรายการและจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้

ข้อ 5 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครรักษาการตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครนี้ รวม 14,549,503,800 บาท
 

สภา กทม. เคาะจ่ายหนี้ BTS 1.45 หมื่นล้าน

ด้าน นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า หากเราไม่สามารถพิจารณาเงินก้อนนี้ได้ภายใน 30 กันยายนนี้ ซึ่งอยู่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จะทำให้ข้ามไปสู่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการชำระหนี้และอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น จึงต้องพยายามขอความเห็นชอบจากสภากรุงเทพมหานครสำหรับเงินก้อนนี้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ให้ได้ ส่วนเรื่องการจ่ายชำระหนี้จะเป็นขั้นตอนต่อไป

นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดกรุงเทพมหานคร ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สิน แต่ผู้มาบริหารเดินรถได้กำไรอยู่ฝ่ายเดียว ทำไมกรุงเทพมหานครต้องจ่ายในราคาสูงตามที่ฟ้องมาขนาดนี้  และในส่วนของ BTS ที่ทวงหนี้ กทม. ผ่านสื่อแบบนี้ตามกฎหมายแล้วเป็นเรื่องที่ไม่สมควร ตลอดจนการทำสัญญาที่ผิดปกติหรือไม่ จึงอยากให้คณะผู้บริหารไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนแทนประชาชนด้วย

สภา กทม. เคาะจ่ายหนี้ BTS 1.45 หมื่นล้าน

นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง ตั้งข้อสังเกตุเกี่ยวกับรายละเอียดการชำระหนี้ดังกล่าว ทั้งเรื่องของดอกเบี้ยต่อปี จำนวนที่ต้องชำระทั้งหมด และการคำนวณดอกเบี้ยต่อวันนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่อย่างไร

นายพีรพล กนกวลัย ส.ก.เขตพญาไท ตั้งข้อสังเกตุว่า การที่ศาลพิพากษาให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้ที่ต้องชดใช้หนี้ตามที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้กล่าวนั้นเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่  และอยากให้คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน เนื่องจากเงินที่จะต้องนำไปชำระหนี้นั้นเป็นจำนวนมหาศาล ประชาชนอาจจะได้รับผลกระทบไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

สภา กทม. เคาะจ่ายหนี้ BTS 1.45 หมื่นล้าน

ทั้งนี้ ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (ฉบับที่...) พ.ศ. … ก่อนรับหลักการ จำนวน 24 ท่าน กำหนดเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน เพื่อพิจารณาหลักการของร่างข้อบัญญัติดังกล่าว