ไฟเขียวตั้ง Sports and Entertainment Complex ไตรมาสแรกปี 68 นำร่อง 3 จังหวัด
ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์แจงความคืบหน้า Sports and Entertainment Complex ไฟเขียวเริ่มดำเนินงานนำร่องใน 3 จังหวัด "กทม. ภูเก็ต โคราช" ไตรมาสแรกปี 68 ตั้งเป้าเปิดใช้ใน 3 ปี ดึงเม็ดเงินต่างชาติ 7 แสนล้านบาท
ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์แจงความคืบหน้า Sports and Entertainment Complex โดยพ.อ.พันธุ์ธัช แสงโชติ เลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ ระบุว่า ความก้าวหน้าของโครงการในปัจจุบัน ดำเนินงานไปเกินกว่า 90% แล้ว ซึ่ง Sports and Entertainment Complex จะมีทั้งหมด 6 โครงการด้วยกัน ตั้งอยู่ใน 6 จังหวัดทั่วประเทศไทย คือ
- กรุงเทพมหานคร (พื้นที่หลัก) แถวลาดกระบังหรือหนองจอก
- ภูเก็ต แบ่งเป็น 2 พื้นที่คือเกาะส่วนตัว พื้นที่ 300 ไร่ กับบริเวณบนฝั่งติดกับทะเลพื้นที่ 850 ไร่ (บริการสมาชิก VVIP และแขกของสมาคมเป็นหลัก เท่านั้น)
- กาญจนบุรี ไทรโยค ติดแม่น้ำแคว 180 ไร่
- เชียงราย บริเวณเชียงแสน
- เขาใหญ่ 3,000 ไร่ ฟาร์มเพาะและขยายพันธุ์ม้า ,สนามแข่งม้ามาตรฐาน โรงแรม รีสอร์ท
- โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พื้นที่ 2,000 ไร่
สำหรับการคัดเลือกพื้นที่ 6 แห่งข้างต้น ทางสมาคมได้พิจารณาจากผังเมืองเป็นหลักโดยมีการวิเคราะห์ความเหมาะสมทางภูมิประเทศและภูมิศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงได้ทำการตรวจสอบแล้วว่าการก่อสร้างนั้นไม่ขัดต่อกฎหมาย
ตัวอาคารของ Sports and Entertainment Complex จะไม่เน้นการสร้างอาคารสูงตามกระแสว่าต้องทำเป็น Landmark แต่จะเน้นการสร้างในแนวราบ เบื้องต้นคาดว่าความสูงอาจไม่เกิน 7 ชั้น เนื่องจากมีพื้นที่อยู่มาก กว้างขวาง เน้นอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้มีความเป็น Smart City
Sports and Entertainment Complex จะเปิดรับสมัครสมาชิก VIP จากทั่วโลก โดยคาดว่าเมื่อดำเนินการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว จะสามารถช่วยดึงเงินจากต่างประเทศได้กว่า 7 แสนล้านบาท ส่วนพื้นที่สนามแข่งม้า จะจัดตั้งใน 3 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา และเชียงราย ซึ่งทางสมาคมพยายามกระจายรายได้ให้ออกสู่เมืองรองมากที่สุด
ส่วนการดำเนินงานในเฟดแรกจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสแรกของปี 2568 ปี ใน 3 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต และนครราชสีมา และตั้งเป้าว่าต้องสร้างให้เปิดทันใช้ใน 3 ปี
สร้างงานสร้างอาชีพ โอกาสของคนนับแสนชีวิต
พลเอกจำลอง บุญกระพือ ประธานกรรมการอำนวยการราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ให้ความเห็นว่า การสร้าง Sports and Entertainment Complex จะสร้างโอกาสทางอาชีพให้กับประชาชนได้กว่าแสนชีวิต โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงม้า ซึ่งเมื่อเทียบกับต่างประเทศอย่างมาเลเซียหรือฮ่องกง ประเทศเหล่านี้มีพื้นที่จำกัด ขณะที่การสร้างฟาร์มม้าต้องได้รับการยินยอมจากสหภาพสากลในเรื่องของพื้นที่ เนื่องจากม้าในฟาร์มต้องได้รับการฝึก ต้องมีพื้นที่ให้วิ่งทั้งพื้นดิน พื้นทราย และหญ้า เพื่อให้ม้ามีคุณภาพมากที่สุด
ซึ่งในจุดนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไทยเรากุมความได้เปรียบเพราะเรามีพื้นที่กว้างขวางเพียงพออยู่แล้ว เมื่อเราเพาะพันธุ์ม้าจนได้คุณภาพสูง ก็สามารถส่งขายแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้ โดยเฉพาะ ฮ่องกง มาเลเซีย
ยัน Sports and Entertainment Complex ไม่เน้นบ่อนคาสิโน
พ.อ.พันธุ์ธัช กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวที่ลือกันว่า Sports and Entertainment Complex จะเป็นการจัดตั้งบ่อนคาสิโนนั้น ไม่ใช่จุดประสงค์หลักของการจัดตั้งโครงการ โครงการนี้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2561 ในรูปแบบ Sports Complex มาตั้งแต่ต้น เพื่อดึงเม็ดเงินจากต่างชาติเข้าสู่ประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม สำหรับการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรหรือคาสิโนนั้น ขึ้นอยู่กับกฎหมายเป็นหลัก หากร่างผ่านแล้ว คณะกรรมการอาจพิจารณาในขั้นตอนไป โดยเบื้องต้นวางแผนไว้ว่าหากร่างกฎหมายผ่าน “ภูเก็ต” จะเป็นหมุดหมายแรกๆในการลงทุน แต่ถึงอย่างนั้น ทางสมาคมยังต้องดูความเหมาะสมประกอบกับกระแสสังคมว่าจะส่งผลบวกหรือลบมากกว่ากัน
เงินลงทุนพร้อมแค่ไหน?
เบื้องต้นสมาคมมีการลงทุนใน 2 รูปแบบคือ กระแสเงินสดจริงจำนวน 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีคุณสุทธิการ สุทธิประภา เป็นผู้ลงทุนหลัก ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งคือ การระดมทุน ซึ่งราชตฤณมัยสมาคมฯ ได้ร่วมกับบริษัทในไทย “RSC” และ บริษัทต่างชาติจากประเทศนิวซีแลนด์ ได้แก่ “บริษัท แคปปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ป จำกัด (CTG รวมถึงระดมทุนจากนักลงทุนสถาบันเชิงกลยุทธ์ (Strategic investors) ในต่างประเทศทั่วโลก ผ่านการออก Digital Bond หรือ Blockchain Bond มูลค่าเสนอขาย 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยมีที่ ปรึกษาโครงการออก Digital Bond เป็นบริษัท Power-All Networks Ltd. ที่เป็นบริษัทลูกของ Hon Hai Precision Industry หรือ Foxconn และทางบริษัท CTG ยังได้อยู่ระหว่างการเจรจา กับบริษัทจัดการกองทุนในสิงค์โปร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Monetary Authority of Singapore (MAS) ในการตั้งกองทุนประเภท VCC Fund เพื่อระดมทุนจากนักลงทุนสถาบันฯ มา ลงทุนใน Digital Bond โดยมีเป้าหมายดึงเม็ดเงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท