AOT มั่นใจรองรับผู้โดยสารเข้า-ออกเพิ่มขึ้น เช็กอินรวดเร็วไม่เกิน 2 นาที
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ชี้ภาพรวมตั้งแต่ต้นปี 2567 ถึงเดือนตุลาคม นักท่องเที่ยวเข้าไทยมากขึ้นจากปีที่แล้ว 19.2 % หรือกว่า 120 ล้านคน และ AOT สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นด้วยระบบอัจฉริยะที่นำมาติดตั้งในสนามบิน
งานสัมนา Thailand Smart City Expo 2025 “การจัดการเมืองอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีและ AI เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต”โดยโพสทูเดย์ ร่วมกับ สปริงนิวส์ และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม ชั้น 6 โรงแรม อิสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT กล่าวในงานสัมนา Thailand Smart City Expo 2025 “การจัดการเมืองอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีและ AI เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต”โดยโพสทูเดย์ ร่วมกับ สปริงนิวส์ และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม ชั้น 6 โรงแรม อิสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯว่า สนามบินของไทยก็หมือนเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ทุกวันนี้เรามีนักท่องเที่ยวผ่านสุวรรณภูมิไม่ต่ำกว่า 3 แสนคนต่อวัน หรือปีละอย่างต่ำ 60 ล้านคน
"ผมในฐานะที่เป็นผู้บริหารของท่าอากาศยานจะมีหน้าที่รองรับบริการความสะดวกสบายให้ผู้โดยสาร ซึ่งที่ผ่านมาหลังจากโควิดเรามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาตลอด อย่างปี 2567 เรามีนักท่องเที่ยว 120 ล้านคน โตจากปี 66 ถึง 19.2 % ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นประมาณ 70-30 คือจากภาคอินเตอร์ 70 และ ในประเทศ 30"
"ฉะนั้นเมื่อมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น เราจำเป็นต้องนำเครื่องบริหารเช็กอินอัตโนมัติมาใช้ ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ Smart City เพราะสุวรรณภูมิก็เหมือนเมืองเล็กๆและเป็น 1 ในSmart City"
ทั้งนี้ AOT ได้นำระบบอัตโนมัติมาใช้ในทุกสนามบินที่บริหาร ได้แก่
1 เครื่องเช็กอิน อัตโนมัติ
2 ระบบยืนยันตัวตนอัตโนมัติ (Biometric)
3 ระบบตรวจคนเข้าเมือง
"เพราะฉะนั้นจากนี้คิวรอการตรวจคนเข้าเมืองยาวๆจะเป็นภาพจำแล้วหายไป ด้วยระบบเช็กอินอัจฉริยะ เรานำมาติดตั้งจำนวน 196 จุด ผู้โดยสารไม่ต้องต่อแถวยาว และใช้ระบบเช็กอินอิตฌโนมัติได้เลย ทำให้เวลาในการคอยลดลง"
"นอกจากนี้เรายังมีระบบ ABC (ระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ) ซึ่งจำทำให้ผู้โดยสารไม่ต้องไปต่อแถวคอยการตรวจคนเข้าเมือง ตรงนี้ลดการรอคอยและช่วยประหยัดเวลบา แถมแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ ตม.ไม่เพียงพอ ใครที่เดินทางตอนนี้อาจจะได้ลองใช้แล้วและไม่เสียเวลาแน่นอน เพียงสอดพาสปอร์ตถ่ายภาพและเดินทางได้เลย"
"ส่วนระบบยืนยันตัวตนอัตโนมัติ (Biometric) เราได้นำมาใช้แล้ว ซึ่งระบบนี้สามาถลดระยะเวลาการตรวจพาสปอร์ตเทียบกับใบหน้าได้เร็วมาก ต่อไปผู้โดยสารไม่ต้องเข้าแถวรอ พอประตูเปิดผู้โดยสารเช้าได้เลย"
เทียบความรวดเร็วจากในที่ผ่านมาพอใช้เทคโนโลยีอัตโมัติจะร่นเวลาได้เร็วมากเช่น
- ระบบเช็กอินจากเดิมใช้เวลาประมาณ 20 นาที จะลดเหลือ 1-2 นาที
- แถวคอยยืนยันตัวตนผู้โดยสาร จากเกิม 3 นาที ลดลงเหลือ 1 นาที
- แถวคอยตรวจคนเข้าเมือง เดิมรอนาน 15-20 นาที ลดลงเหลือ 2 นาที
สิ่งนี้จะทำให้ประสบการณ์การเดินทางของผู้โดยสารจะดีขึ้นเมื่อมีความเร็วในการเช็กอิน ทั้งหมดนี้นำมาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร
เพราะจากสถิติหลังนำเครื่องอัตโนมัติมาใช้ ผู้โดยสารขาเข้าเพิ่มได้ 7 พัน คนต่อชั่วโมง และ 5.5 พันคนต่อชั่วโมงสำหรับผู้โดยสารขาออก
ซึ่งทาง AOT มั่นใจว่าช่วงไฮซีซั่น จะรองรับผู้โดยสารได้โดยไม่มีปัญหาผู้โดยสารรอคิวนาน