เช็คลิสต์ Tech Company ยักษ์ใหญ่รุกลงทุน Data Center ในไทย
เผยข้อมูลการลงทุน Data Center และ Cloud Service ในไทยโดยบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของโลก รุกลงทุนต่อเนื่องด้วยมูลค่าการลงทุนรวมหลักแสนล้าน หลังไทยมาแรง กลายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ (Strategic Location) แห่งใหม่ในอาเซียน แม้ยังเป็นรองสิงคโปร์และมาเลเซีย
ในช่วงสองปีมานี้ “ไทย” ได้กลายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์หรือ Strategic Location แห่งใหม่ของบรรดาผู้ให้บริการ Data Center ระดับโลกที่เข้ามาลงทุนทั้งด้านโครงสร้างและเครือข่ายการให้บริการ จากที่ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์ คือประเทศเป้าหมายในการลงทุนจัดตั้ง Data Center และ Cloud Service ในเอเชีย ทำให้สำนักงานใหญ่ของบริษัทจากตะวันตกส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่สิงคโปร์จนนับเป็นประเทศที่มี Data Center จัดตั้งอยู่มากที่สุดในภูมิภาค
ความต้องการ Data Center ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เข้มข้นขึ้น ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น และการส่งเสริมการลงทุนผ่านแรงจูงใจจากภาครัฐ ทำให้ Data Center ขึ้นแท่นเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่มีบทบาทในการเป็น “โครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล” ที่จำเป็นสำหรับการรองรับระบบนิเวศ AI
คาดว่าในช่วงปี 2567-2570 การลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยจะมีมูลค่ามากกว่า 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1.1% ของ GDP แต่ยังเป็นรองมาเลเซีย
Data Center ถูกมองเป็นกระดูกสันหลังยุคดิจิทัลของไทย ตามข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า “ไทย” เป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของการลงทุนในธุรกิจ Data Center ทั้งจากผู้เล่นระดับท้องถิ่นและผู้เล่นระดับโลก ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ขนาด Data Center ต่อจำนวนประชากรในไทยเติบโตไปแล้วกว่า 54% และไทยอยู่อันดับ 3 ของอาเซียน
ข้อมูลจาก BOI (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน) เมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ รายงานว่า โครงการ Data Center และ Cloud Service ที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจาก BOI รวม 37 โครงการ มีมูลค่าเงินลงทุนรวมอยู่ที่ 98,539 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ชลบุรี และระยอง
รายชื่อ Tech Company ยักษ์ใหญ่ที่เข้ามาลงทุนใน Data Center ในประเทศไทย มีดังนี้ โดยเรียงลำดับตามระยะเวลาที่เข้ามาลงทุนและมูลค่าการลงทุน:
1.Quartz Computing (Google/Alphabet Inc.) จากสหรัฐอเมริกา:
มูลค่าการลงทุน: 32,760 ล้านบาท
ปีที่ลงทุน: 2024
ตั้งอยู่ที่: ชลบุรี
*หมายเหตุ: เป็น Data Center ที่ 5 ในเอเชียของ Google คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2027 .
2.Digitalland Services (GDS) จากจีน:
มูลค่าการลงทุน: 28,000 ล้านบาท
ปีที่ลงทุน: 2024
ตั้งอยู่ที่: ชลบุรี
หมายเหตุ: คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026
3.Equinix จากสหรัฐอเมริกา:
มูลค่าการลงทุน: 16,500 ล้านบาท
ปีที่ลงทุน: 2024
*หมายเหตุ: ลงทุนในระยะยาว 10 ปี เพื่อทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของกลุ่ม CLMVT (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม, ไทย)
4.Amazon Web Services (AWS) จากสหรัฐอเมริกา:
มูลค่าการลงทุน: 200,000 ล้านบาทภายในปี 2037 (ลงทุนไปแล้ว 25,000 ล้านบาท)
*หมายเหตุ: AWS มีแผนเพิ่มการลงทุนในศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
5.NextDC จากออสเตรเลีย: มูลค่าการลงทุน: 13,700 ล้านบาท
6.STT GDC จากสิงคโปร์: มูลค่าการลงทุน: 4,500 ล้านบาท .
7.Evolution Data Centre จากสิงคโปร์: มูลค่าการลงทุน: 4,000 ล้านบาท
8.Supernap (Switch) จากสหรัฐอเมริกา:มูลค่าการลงทุน: 3,000 ล้านบาท
9.Telehouse จากญี่ปุ่น: มูลค่าการลงทุน: 2,700 ล้านบาท
10.One Asia จากฮ่องกง: มูลค่าการลงทุน: 2,000 ล้านบาท
11.Microsoft จากสหรัฐอเมริกา:
• มูลค่าการลงทุน: คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 100,000 ล้านบาท (อยู่ระหว่างการพิจารณา)
*หมายเหตุ: การลงทุนนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ BOI
12. Alibaba Cloud จากจีน:• มูลค่าการลงทุน: 4,000 ล้านบาท
13.Huawei Technologies จากจีน: มูลค่าการลงทุน: 3,000 ล้านบาท
ในระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทเหล่านี้ได้ประกาศลงทุนและกำลังดำเนินการโครงการต่าง ๆ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางเทคโนโลยีและการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ .
นอกจากนี้ยังมีการลงทุนจากบริษัทในประเทศเช่น True Internet Data Centre, Internet Thailand, และ GSA (ร่วมทุนระหว่าง Gulf, Singtel, AIS) .
เหตุผลสำคัญที่บริษัทใหญ่ระดับโลกเลือกมาลงทุนใน Data Center ในประเทศไทย
1. ทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์: ประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่สะดวกในการเข้าถึงตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น จีน อินเดีย และประเทศอาเซียนอื่นๆ ทำให้การลงทุนในศูนย์ข้อมูลที่นี่สามารถให้บริการลูกค้าในภูมิภาคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. การสนับสนุนจากภาครัฐ: รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการอนุมัติอย่างรวดเร็วจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
3. ตลาดและเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว: ประเทศไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง มีการใช้งานอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้บริการคลาวด์และศูนย์ข้อมูลมากขึ้น
4. การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลในภูมิภาค CLMVT: ประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของกลุ่มประเทศ CLMVT (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม, ไทย) ซึ่งช่วยดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ต้องการขยายตลาดในภูมิภาคนี้
5. โครงสร้างพื้นฐานที่มีความพร้อม: ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูล นอกจากนี้ยังมีระบบการจ่ายพลังงานที่มีความเสถียรและราคาพลังงานที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค
ทั้งนี้ การลงทุนในศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยไม่เพียงแต่เสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและดิจิทัลของประเทศ แต่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกในการให้บริการลูกค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย