จับตายุคของ AI ในการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) 2025
ไปดูกันว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะอย่างไรและในด้านใดบ้าง มีแอปพลิเคชั่น AI แบรนด์ไหนบ้างที่น่าสนใจและกำลังน่าจับตาในยุคนี้
หากจะหาคำจำกัดความของเมืองอัจฉริยะในยุคนี้เราจะพบคำตอบว่า "เมืองอัจฉริยะสร้างด้วยข้อมูลและนวัตกรรม" และไม่เพียงเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอัจฉริยะเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับผู้คนที่ชาญฉลาดและธรรมาภิบาลที่มาจากปัญญาของมนุษย์
เมืองอัจฉริยะจึงไม่ใช่เมืองที่มีอุปกรณ์มากที่สุด แต่เป็นเมืองที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อปรับปรุงคุณชีวิตของพลเมือง
ปัจจุบันเมืองขนาดใหญ่ต่างๆ ในโลกต่างเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ (Smart City) มากขึ้น ทั้งการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของผู้คน ระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของเมืองในหลายๆ ด้าน เช่น
1. การจราจรและการขนส่ง: AI ถูกนำมาใช้ในการจัดการการจราจรเพื่อปรับปรุงการไหลเวียนของรถและลดความแออัด โดยใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และกล้องวงจรปิด ระบบ AI สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ปัญหาการจราจร พร้อมเสนอแนวทางการแก้ไข เช่น การเปลี่ยนแปลงสัญญาณไฟจราจรตามเวลาจริง
2. การจัดการพลังงาน: AI ช่วยในการจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในเมืองอัจฉริยะ โดยการวิเคราะห์การใช้พลังงานของอาคารและแนะนำวิธีการลดการใช้พลังงาน ระบบยังสามารถปรับแต่งการใช้พลังงานในเวลาจริงตามความต้องการและสภาพแวดล้อม
3. ความปลอดภัย: AI ถูกใช้ในการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดและเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อตรวจจับและแจ้งเตือนเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เช่น การกระทำผิดกฎหมายหรืออุบัติเหตุ ระบบสามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติและแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4. การจัดการขยะ: AI สามารถช่วยในการวิเคราะห์ปริมาณขยะและการวางแผนการเก็บขยะในแต่ละพื้นที่ โดยการใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ในถังขยะ ระบบสามารถจัดตารางการเก็บขยะที่เหมาะสม ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
5. สุขภาพและการแพทย์: AI ช่วยในการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพของประชาชน เช่น การแพร่ระบาดของโรค การให้คำแนะนำสุขภาพส่วนบุคคล และการจัดการทรัพยากรทางการแพทย์
6. การจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อม: AI ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์คุณภาพน้ำและอากาศ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อการใช้น้ำอย่างยั่งยืน
แอปพลิเคชั่น AI ในการบริหารจัดการเมือง
มีหลายแบรนด์แอปพลิเคชันจากหลายค่ายและจากสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการบริหารจัดการเมืองอัจฉริยะ นี่คือบางส่วนที่มีความโดดเด่นในการใช้งาน AI
1. IBM Watson: ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์การดำเนินงานในเมือง เช่น การจัดการการจราจร การใช้พลังงาน และการจัดการเหตุการณ์ฉุกเฉิน
2. Google DeepMind: ช่วยในการวิเคราะห์และคาดการณ์การใช้พลังงานในอาคาร การบริหารจัดการน้ำ และการควบคุมมลพิษในเมือง
3. Microsoft Azure: แพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือ AI สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเมือง การจัดการการจราจร และการปรับปรุงระบบขนส่ง
4. CityBrain by Alibaba: แพลตฟอร์ม AI ที่ออกแบบมาเพื่อการจัดการการจราจรในเมือง โดยการใช้ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดและเซ็นเซอร์เพื่อลดความแออัด
5. Senseable City Lab by MIT: แพลตฟอร์มที่นำ AI มาใช้ในการวิจัยและพัฒนาโซลูชันเพื่อเมืองอัจฉริยะ เช่น การจัดการขยะ การตรวจสอบคุณภาพอากาศ และการออกแบบเมืองที่ยั่งยืน
6. Sidewalk Labs by Alphabet: บริษัทที่พัฒนาโซลูชันสำหรับเมืองอัจฉริยะ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการขนส่ง การจัดการพลังงาน และการออกแบบเมืองที่มีความยั่งยืน
7. Siemens City Performance Tool: เครื่องมือที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของเมือง เช่น การใช้พลังงานและการขนส่ง
8. Huawei Smart City Solution: แพลตฟอร์มที่รวม AI ในการจัดการข้อมูลเมือง การควบคุมการจราจร และการจัดการทรัพยากรน้ำและพลังงาน
9. Cisco Kinetic for Cities: แพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อและบริหารจัดการข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของเมือง เช่น การจัดการจราจรและการรักษาความปลอดภัย
10. Hitachi Smart Spaces and Video Intelligence: โซลูชันที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์วิดีโอและข้อมูลจากเซ็นเซอร์เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยและการจัดการเมือง
เมืองอัจฉริยะในโลกที่ใช้ AI เข้ามาจัดการ
การบริหารจัดการเมืองด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีตัวอย่างในหลายเมืองใหญ่ทั่วโลกที่ประสบความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน นี่คือบางตัวอย่างของเมืองที่ใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ:
1. สิงคโปร์:
• สิงคโปร์เป็นผู้นำในการใช้ AI ในการบริหารจัดการเมือง โดยใช้ AI ในการจัดการการจราจร การควบคุมมลพิษ และการบริหารจัดการพลังงาน
• โครงการ Smart Nation ของสิงคโปร์ใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และระบบการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของเมืองในทุกด้าน
2. บาร์เซโลนา (สเปน):
• บาร์เซโลนาใช้ AI และ IoT (Internet of Things) ในการจัดการการจราจร การจัดการขยะ และการควบคุมการใช้พลังงาน
• เมืองนี้ยังมีระบบการจอดรถอัจฉริยะที่ใช้เซ็นเซอร์เพื่อให้ผู้ขับขี่หาที่จอดรถได้ง่ายขึ้น
3. ลอนดอน (สหราชอาณาจักร):
• ลอนดอนใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลการจราจรและการขนส่งเพื่อปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะ
• ระบบการตรวจสอบความปลอดภัยที่ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดและป้องกันอาชญากรรม
4. โซล (เกาหลีใต้):
• โซลใช้ AI ในการจัดการระบบการจราจรและการควบคุมมลพิษ
• เมืองนี้ยังมีโครงการ Smart Water Management ที่ใช้ AI ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
5. ซานฟรานซิสโก (สหรัฐอเมริกา):
• ซานฟรานซิสโกใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์เพื่อปรับปรุงการจัดการการจราจรและการใช้พลังงาน
• เมืองนี้ยังมีโครงการที่ใช้ AI ในการตรวจสอบและปรับปรุงความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ
6. โตเกียว (ญี่ปุ่น):
• โตเกียวใช้ AI ในการวิเคราะห์และคาดการณ์การจราจร รวมถึงการจัดการพลังงานในอาคาร
• โครงการ Smart City ของโตเกียวใช้ AI เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของเมืองและเพิ่มประสิทธิภาพ
เมืองเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการเมืองและเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยการนำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล การคาดการณ์ และการปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ