Honda เผยโฉมต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้า แรงบันดาลใจจากหุ่นยนต์ Asimo

Honda เปิดตัวต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้า Honda Zero รุ่นใหม่ภายในงาน CES 2025 ที่ลาสเวกัส ทั้งรถ SUV ที่พัฒนาจากคอนเซ็ปต์ Space-Hub ในชื่อรุ่น "Honda 0 SUV" และรถซีดานที่พัฒนาจากคอนเซ็ปต์ Saloon ในชื่อรุ่น "Honda 0 Saloon"

โดยทั้งสองรุ่นนี้มีกำหนดเริ่มผลิตในปี 2026 และที่น่าสนใจคือ รถยนต์ทั้งสองรุ่นจะเป็นรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการ "Asimo OS" ที่ Honda พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งตั้งชื่อตามหุ่นยนต์ Asimo อันเป็นสัญลักษณ์ของบริษัท

Honda Zero ดีไซน์โดดเด่น มินิมอล

แม้การประเมินรถต้นแบบอย่างละเอียดนั้นจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับการออกแบบดีไซน์มากกว่าคุณสมบัติที่สามารถใช้งานได้จริง แต่ Honda ทั้งสองรุ่นนี้ก็แสดงให้เห็นถึงแนวคิดและจุดเด่นที่น่าสนใจ

- Honda 0 SUV มีดีไซน์ที่ผสมผสานระหว่างยุค 80 กับ Volvo EX30 พร้อมช่องเก็บสัมภาระด้านหลัง

- Honda 0 Saloon ปรับเปลี่ยนจากประตูแบบปีกนกในรุ่นคอนเซ็ปต์เป็นประตูแบบปกติ และมีไฟหน้าแบบเรโทรที่เปิดกระพริบได้คล้ายกับ Lamborghini Countach

ระบบปฏิบัติการใหม่ Asimo OS

Honda Zero ยึดมั่นในหลักการออกแบบที่เน้นความบาง เบา และฉลาด ซึ่งในงาน CES 2025 นี้ Honda ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการนำเสนอเทคโนโลยีขั้นสูง ผ่านระบบปฏิบัติการ Asimo OS ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยมีหุ่นยนต์ Asimo เป็นต้นแบบ

จุดเด่นระบบปฏิบัติการใหม่ Asimo OS

- การปรับแต่งประสบการณ์ดิจิทัลเฉพาะบุคคลระดับสูง

- ระบบขับขี่อัตโนมัติที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องจับพวงมาลัย แตะคันเร่ง รวมถึงละสายตาจากถนนได้ในบางสถานการณ์

- ความสามารถในการรับชมวิดีโอหรือเข้าร่วมประชุมทางไกลขณะใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติ

- การอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านระบบไร้สาย

- ระบบเรียนรู้และปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้ใช้

ยกระดับชิปประมวลผล อัจฉริยะ ครบวงจร

Honda ได้ประกาศความร่วมมือกับ Renesas ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์จากญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาระบบชิปประมวลผลแบบ system-on-a-chip ชิปอัจฉริยะแบบครบวงจร เพื่อยกระดับสมรรถนะรถยนต์ยุคใหม่ ให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากขึ้น

ชิปตัวนี้จะกลายเป็น 'สมองกล' ที่ควบคุมทุกอย่างในรถ ตั้งแต่ระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (ADAS)  ระบบส่งกำลัง ระบบอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ ไปจนถึงระบบ AI ที่ฉลาด ซึ่งสะท้อนแนวโน้มของผู้ผลิตรถยนต์ที่หันมาพัฒนาชิ้นส่วนเฉพาะทางเองมากขึ้น แทนการใช้ระบบสำเร็จรูปจากภายนอก

ทั้งนี้ บริษัทระบุว่าเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติจะมีให้เลือกในราคาที่ "จับต้องได้" แต่ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดด้านราคาเพิ่มเติม