สับงบแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ! สตง.เผยแก้มา 5 ปีล้มเหลว ไม่คุ้มค่า ไร้ประสิทธิภาพ

สับงบแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ! สตง.เผยแก้มา 5 ปีล้มเหลว ไม่คุ้มค่า ไร้ประสิทธิภาพ

30 มกราคม 2568

สตง. เผยผลตรวจสอบ พบข้อบกพร่องเพียบ ชี้งบประมาณแก้ไขฝุ่น PM 2.5 ตลอด 5 ปี ล้มเหลว ขาดประสิทธิภาพ และไร้ความคุ้มค่า ล่าช้า ไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม แก้ปัญหาที่ต้นตอไม่ได้ ขาดข้อมูล แค่แก้ปัญหาหน้างาน และต่างคนต่างทำ

KEY

POINTS

  • การใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่าและไร้ประสิทธิภาพ  การดำเนินงานในหลายโครงการไม่บรรลุ

นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และโฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน แถลงว่า คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้กำหนดนโยบายการตรวจสอบที่ให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชน

ปัญหาฝุ่น PM 2.5: การจัดสรรงบประมาณที่ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รายงานผลการตรวจสอบมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของรัฐบาลในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2562-2567) พบว่าการดำเนินงานขาดประสิทธิภาพและไร้ความคุ้มค่าทางงบประมาณ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานแยกส่วน ขาดการบูรณาการ ส่งผลให้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน แม้จะมีงบประมาณถูกใช้ไปเป็นจำนวนมาก

สุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และโฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และโฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน

 ปัญหา PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน

1. โครงการเครือข่ายแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า
   
- สตง. ตรวจสอบพบว่ามีการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 98.40 ล้านบาท เพื่อสร้างเครือข่ายควบคุมไฟป่า 1,142 เครือข่ายในพื้นที่ภาคเหนือ แต่ขาดการติดตามผล ทำให้มาตรการยังไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่
 

2. ยุทธศาสตร์บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในภาคเหนือ
   
- โครงการป้องกันและแก้ไขไฟป่า งบประมาณ 47.60 ล้านบาท พบว่าในบางช่วงดำเนินการในฤดูฝน ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ รวมถึงโครงการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ไม่เหมาะสม ทำให้ผลสัมฤทธิ์ต่ำ
   
3. โครงการแก้ไขไฟป่าและฝุ่น PM 2.5 ในเชียงใหม่
   
- งบประมาณ 43.61 ล้านบาท พบว่าฝายต้นน้ำชำรุดถึง 87.34% และไม่มีน้ำเพียงพอสำหรับดับไฟป่า ขณะที่การทำแนวกันไฟล่าช้าทำให้ไฟป่ายังคงเกิดขึ้น

4. โครงการบูรณาการสิ่งแวดล้อมและสาธารณภัย
  
- งบประมาณ 41.87 ล้านบาท พบว่าแปลงสาธิตปลูกไผ่เพื่อทดแทนพืชที่ก่อให้เกิดหมอกควันถูกไฟไหม้เสียหายถึง 95% ขณะที่อัตรารอดของต้นอะโวคาโดและมะม่วงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

 ปัญหา PM 2.5 ในกรุงเทพมหานคร

1. โครงการเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศ
  
- งบประมาณ 435.46 ล้านบาท พบว่าเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศทำงานไม่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ข้อมูลที่ได้รับไม่มีความแม่นยำในการวิเคราะห์และวางแผนแก้ไขปัญหา
   
2. แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร 20 ปี

สตง. ตรวจสอบโครงการเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศของกรุงเทพมหานครในปีงบประมาณ 2562 พบว่าการดำเนินงาน 5 โครงการ รวมงบประมาณ 435.46 ล้านบาท ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศขาดความต่อเนื่อง ข้อมูลปี 2560-2561 พบว่าฝุ่น PM10, ก๊าซโอโซน และไนโตรเจนไดออกไซด์ต่ำกว่ามาตรฐาน ขณะที่ฝุ่น PM2.5 อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในปี 2560 แต่มีแนวโน้มแย่ลงในปี 2561 แสดงให้เห็นว่ามาตรการควบคุมมลพิษยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
บรรยากาศในกรุงเทพช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 ลงแบบหนาจัดๆ บรรยากาศในกรุงเทพช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 ลงแบบหนาจัดๆ

 ปัญหา PM 2.5 ในภาคการเกษตร

1. มาตรการลดการเผาอ้อยเพื่อควบคุม PM 2.5
   
- แม้มีเป้าหมายลดการเผาอ้อยให้หมดไปภายในปี 2566/2567 แต่กลับพบว่าอ้อยไฟไหม้ยังมีสัดส่วนสูงถึง 29.64% ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายที่กำหนด
   
2. การสนับสนุนเกษตรกรให้เลิกเผาอ้อย
   
- เกษตรกรที่ได้รับเงินสนับสนุนยังคงเผาอ้อยต่อเนื่อง บางส่วนได้รับสินเชื่อซื้อเครื่องจักรแต่ยังส่งอ้อยไฟไหม้เข้าโรงงาน ขณะที่โรงงานน้ำตาลยังคงรับซื้ออ้อยไฟไหม้ ทำให้มาตรการล้มเหลว

 ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา

1. บูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
   
- ต้องมีการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการกำหนดแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรม

2. การติดตามผลการดำเนินงานอย่างเข้มงวด
   
- ควรกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนและมีการตรวจสอบผลการดำเนินงานของโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

3. การใช้เทคโนโลยีในการแก้ไขปัญหา
   
- นำโดรนและเซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมปัญหา

4. การส่งเสริมแนวทางลดการเผาในภาคเกษตร
   
- ควรมีมาตรการจูงใจให้โรงงานน้ำตาลหยุดรับซื้ออ้อยไฟไหม้ พร้อมสนับสนุนให้เกษตรกรเปลี่ยนแนวทางการผลิต

จากการตรวจสอบของ สตง. พบว่าการดำเนินงานของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ผลเท่าที่ควร ทั้งในภาคเหนือ กรุงเทพมหานคร และภาคการเกษตร เนื่องจากขาดการบูรณาการ ขาดการติดตามผล และขาดการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาแนวทางใหม่ที่สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน
 

Thailand Web Stat