“บางซื่อ” สู่อนาคต เปิดแผนสถานีขนส่งใหม่ พลิกโฉมศูนย์กลางคมนาคม

รัฐบาลไทยเดินหน้าผลักดันโครงการพัฒนา 'สถานีขนส่งแห่งใหม่' ใกล้กับสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (บางซื่อ) ด้วยงบลงทุนกว่า 3.7 พันล้านบาท ตั้งเป้าปรับโฉมพื้นที่ 11 ไร่ ให้กลายเป็นศูนย์กลางระบบขนส่งมวลชนและไลฟ์สไตล์คอมมอเชียล ด้วยแนวคิดในการรวมสถานีขนส่งหลักสามแห่งให้มาอยู่ที่เดียวกัน คือสถานีขนส่งสายใต้ สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งหมอชิต 2 เพื่อรองรับการเดินทางเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อกับระบบรถไฟและรถไฟฟ้าหลายสาย

 

หลังจากที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกาศนโยบายมอบหมายให้สำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปดำเนินการพิจารณาและศึกษาแนวทางการย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2, สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งสายใต้ ภายใต้การรับผิดชอบของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ไปยังสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อให้การย้ายสถานีขนส่งนี้อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ และนักท่องเที่ยว สามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะด้วยรถไฟไทย รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีน้ำเงิน ที่สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสายสีอื่นๆ สอดรับกับนโยบายการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนแบบไร้รอยต่อ

 

โครงสร้างและรูปแบบการพัฒนาบนที่ดิน 11 ไร่ ในคอนเซ็ปต์ไลฟ์สไตล์ คอมมอเชียล 

อาคารหลักจะเป็นอาคารสูง 13 ชั้น แบ่งพื้นที่การใช้งานอย่างเป็นระบบ ได้แก่:

B3: ลานจอดรถ

B2: ศูนย์อาหาร

B1: ร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ

1F: ร้านอาหารและพื้นที่จัดอีเวนต์

2F: โซนแฟชั่นและเครื่องประดับ พร้อมจุดจอดรถโดยสารด้านนอก

3F: โซนรองเท้า กระเป๋า และเครื่องสำอางจากธรรมชาติ พร้อมจุดจอดรถด้านนอก

4F: Fashion & Culture Park

5F: โซนไลฟ์สไตล์

6F: Pop Culture

7F: สินค้าแฟชั่นชาย-หญิง

8F: พื้นที่จัดงานศิลปะและวัฒนธรรม

9F - 10F: ร้านอาหาร

 

สำหรับพื้นที่โดยสาร จะมีการแยกชั้นตามเส้นทางการเดินทางอย่างชัดเจนคือ

ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางภาคเหนือ

ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางภาคใต้และภาคตะวันตก

ชั้นสำหรับผู้โดยสารเดินทางภาคตะวันออกและปริมณฑล

นอกจากนี้ ชั้นใต้ดินจะรองรับรถเมล์ ขสมก. และแท็กซี่ เพื่อความสะดวกในการรับส่งผู้โดยสาร

 

 

แรงบันดาลใจจากสถานีฮากาตะ ประเทศญี่ปุ่น

โครงการนี้ได้นำแนวคิดมาจากสถานีฮากาตะ เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นต้นแบบการออกแบบสถานีโดยสารแบบอาคารสูงที่ผสานระบบขนส่งกับศูนย์การค้าและบริการได้อย่างลงตัว โดยผู้โดยสารสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม แหล่งช้อปปิ้ง หรือพื้นที่พักคอย ทำให้การเดินทางไม่เพียงแค่สะดวกขึ้น แต่ยังเพิ่มประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้น

 

นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า ขณะนี้ สนข. ได้กำหนดแนวคิดรูปแบบการพัฒนาเบื้องต้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 – 4 เดือน และในระหว่างนี้ สนข. จะเสนอขอตั้งงบประมาณ เพื่อจ้างที่ปรึกษามาทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ พร้อมออกแบบเบื้องต้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาศึกษาอย่างน้อย 12 เดือน

 

ทั้งนี้ โครงการนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบขนส่งมวลชนไทย เพราะไม่เพียงแต่ช่วยลดความแออัดของสถานีเดิม แต่ยังเสริมศักยภาพของสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ในฐานะศูนย์กลางการเดินทางระดับภูมิภาค

 

ด้านเศรษฐกิจ: โครงการนี้จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในพื้นที่โดยรอบ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร และการบริการต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานและรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

 

ด้านการเดินทาง: การเชื่อมต่อระหว่างระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง สีน้ำเงิน สีม่วง และระบบรถไฟไทย จะช่วยลดเวลาในการเดินทางข้ามภูมิภาค และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ ได้ง่ายขึ้น

 

ด้านสิ่งแวดล้อม: ด้วยการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น คาดว่าจะช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ลดปัญหาการจราจร และมลพิษทางอากาศในกรุงเทพฯ

 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางฝ่ายกังวลเรื่องความหนาแน่นของการจราจรรอบสถานี และการบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่

 

ผลการศึกษาเบื้องต้นยังประเมินด้วยว่าการพัฒนาสถานีขนส่งแห่งใหม่ จะใช้วงเงินลงทุนรวมประมาณ 3,700 ล้านบาท แบ่งเป็น

- สถานีขนส่งผู้โดยสาร วงเงินลงทุน 1,664 ล้านบาท

- Lifestyle Commercial วงเงินลงทุน 1,589 ล้านบาท

- Restaurant & Food Hall วงเงินลงทุน 446 ล้านบาท บทสรุป

 

โครงการสถานีขนส่งแห่งใหม่ใกล้สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมไทย ด้วยแนวคิดผสมผสานระหว่างสถานีขนส่งกับศูนย์การค้าและพื้นที่เชิงพาณิชย์ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศ

 

หากโครงการนี้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรุงเทพฯ อาจก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการเดินทางและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคได้ในอนาคตอันใกล้