“ถนนพระราม 2“ ผลิตซ้ำปัญหาโครงสร้าง ปมผลประโยชน์แอบแฝง?
สรุปปัญหาหลัก “ถนนพระราม 2” กับ “ปัญหาการก่อสร้างถนน” บนความยาวนานคู่บ้านคู่เมือง หากนับตั้งแต่เริ่มโครงการมาตั้งแต่เมื่อกว่า 50 ปีก่อน
มีคำถามมากมายเกิดขึ้น ว่าเพราะเหตุใดถนนสายนี้จึงยังสร้างไม่เสร็จ มากกว่านั้นทำไมเกิดอุบัติเหตุบ่อย มีคำตอบมากมายเช่นกัน แต่คำตอบที่น่าสนใจและตรงไปตรงมาอาจไม่น่ารับฟังนัก
มีการตั้งข้อสังเกตโดยเฉพาะในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาว่า ทางด่วนยกระดับพระราม 2 มีอุบัติเหตุระหว่างการก่อสร้างเกิดขึ้นกว่า 2,500 ครั้ง ทำให้คนเสียชีวิตไปแล้ว 143 คน บาดเจ็บอีก 1,441 คน โดยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก่อนหน้าครั้งล่าสุด ห่างกันเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น!
ข้อมูลอ้างอิงจากสถาปนิกท่านหนึ่งบนเฟซบุ๊ก Siriyanee Udomsilpa ที่มีนักวิชาการชื่อดังหลายท่าน เช่น ศาสตราจารย์ ดร. เกษียณ เตชะพีระ แชร์ไว้โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับสรุปงานวิจัยเกี่ยวกับโครงสร้างถนนพระราม 2 และอันตรายทางธรณีวิทยา โดย ดร.ธีระชาติ รื่นไกรฤกษ์ – วิศวกรวิเคราะห์และวิจัย กรมทางหลวง ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นโครงการก่อสร้างถนนพระราม 2 (ราวปีพ.ศ.2513 - 2516 ที่เริ่มก่อสร้างถนนพระราม 2 เป็นแบบ 2 เลน)
โดยก่อนนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันทางโซเชียลว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข่าวปลอมเพราะ ดร ธีระชาติเสียชีวิตไปแล้วนานกว่า 22 ปี แต่มีข้อมูลชี้แจงว่า รายงานนี้น่าจะเริ่มทำมาตั้งแต่ในช่วงเริ่มต้นวางแผนก่อนการสร้างถนนพระราม 2 (ก่อนปี 2513) แต่อาจไม่ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจการเมืองบางท่าน (ที่อาจไปกว้านซื้อที่ดินราคาถูกรอกันเอาไว้แล้ว) ตั้งแต่เริ่มเคาะแผนโครงการกันใน ครม.
ทำให้รายงานดังกล่าวถูกดองเก็บไว้ ไม่ได้ออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะจนมาถึงยุคอินเทอร์เน็ต/ดิจิทัลและด้วยอานิสงส์จาก พรบ.เปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ
โดยได้มีการสรุปรายงานดังกล่าวเป็นประเด็นดังต่อไปนี้
1. ปัญหาหลักของถนนพระราม 2
• โครงสร้างทางวิศวกรรม และ ลักษณะดินทางธรณีวิทยา ไม่เหมาะสมสำหรับการก่อสร้างทางลอยยกระดับ (หรือถนนสายหลักวางบนดินรองรับการจราจรขนส่งอย่างที่ผู้เดินทางได้เคยเจอกันมาแล้วกับการ "โต้คลื่น" บนถนนพระราม 2 เคยถามวิศวกรบางท่านว่าทำไมเขาไม่ตอกเข็มพืดตลอดแนวถนนช่วยรับน้ำหนัก แต่เมื่อได้มาเห็นการก่อสร้างเป็นทางยกระดับในทศวรรษนี้เข้าจึงถึง”บางอ้อ”)
• ใต้ชั้นดินมีปัญหา “แอ่งพรุน้ำซึมตลอด”
• แม้จะ ทดลองถมทรายจำนวนมาก แต่ไม่นานน้ำก็ซึมเข้ามาทำให้ ดินยวบตัว
• ไม่สามารถทำให้ดินแน่นหรือรองรับน้ำหนักโครงสร้างได้
2. ข้อเสนอแนะจากงานวิจัย ที่ดร.ธีระชาติและทีมวิจัยนำเสนอเอกสาร ให้อธิบดีกรมทางหลวงพิจารณา
• ขอให้ยุติแนวคิดก่อสร้างทางลอยยกระดับ เพราะเสี่ยงต่อการถล่ม (และจากการอ้างอิงความรู้ทางธรณีวิทยา มีข้อสรุปว่าสภาพชั้นดินพรุอิ่มน้ำใกล้ฝั่งทะเลลักษณะนี้มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดการยุบตัว Subsidence และบนชั้นดินเปลือกโลกที่มนุษย์เราอาศัยอยู่กันบนแผ่นผิวที่บางราวเปลือกไข่เทียบตามมาตราส่วนเส้นผ่านศูนย์กลางนี้ ไม่มีพื้นที่ตำแหน่งใดที่ความเสี่ยงจากภัยแผ่นดินไหวเท่ากับ 0 )
• แนะนำให้เปลี่ยนเป็น “อ่างเก็บน้ำ” เพื่อรองรับน้ำท่วมกรุงเทพฯ และช่วยรักษาสมดุลทางธรรมชาติ
3. ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนและการเมืองเบื้องหลัง
• มีกลุ่มผู้มีอำนาจในราชการเข้าซื้อที่ดินสองข้างทางไว้ล่วงหน้าจำนวนมาก จึงผลักดันโครงการให้เดินหน้าต่อ แม้จะมีคำเตือนจากนักวิชาการ
• โครงการถูกเร่งอนุมัติในที่ประชุม ครม. ให้เดินหน้าสร้างทางลอยยกระดับ เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่าความปลอดภัยของประชาชน แม้จะมีคำเตือนจากนักวิจัยตั้งแต่เมื่อสองทศวรรษมาแล้ว
4. ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
• แม้จะสร้างเสร็จและเปิดให้รถวิ่งได้ แต่เมื่อถึงจุดวิกฤตที่น้ำซึมเต็มที่ ดินจะยวบตัว นำไปสู่การทรุดตัวของทางลอย และ เสี่ยงต่อการถล่ม รถที่สัญจรบนทางลอยอาจตกลงไปเสียชีวิตจำนวนมาก (รวมทั้งคนในรถที่กำลัง”โต้คลื่น”อยู่บนถนนด้านล่าง)
แหล่งข่าวยังระบุว่า หลังเห็นความเสี่ยงแต่ไม่สามารถหยุดโครงการได้ ดร.ธีระชาติซึมเศร้าอยู่เป็นปี จนป่วยเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งเมื่ออายุเพียง 58 ปี และหากมีชีวิตอยู่มาได้ถึงปัจจุบันจะมีอายุประมาณ 80 ปี
และมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า แนวความคิดของนักวิชาการและวางผังออกแบบส่วนใหญ่ ยังหลงติดอยู่กับระบบเดินทางขนส่งทางถนนที่เน้นความสะดวกของการใช้รถยนต์ ซึ่งควรต้องแยกระบบเดินทางออกจากระบบขนส่งที่มองมนุษย์เป็นเรื่องเดียวกับสินค้า การใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่อาศัยพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลหรือการใช้รถไฟฟ้าที่ก็ยังไม่พ้นการต้องทำลายสิ่งแวดล้อม แต่มนุษย์ยังไม่ได้ให้ความสนใจหรือทำความเข้าใจในผลกระทบจากความสูญเสียไปของทรัพยากรสำคัญที่สุดคือน้ำในสถานะและสภาวะต่างๆ