ออกแบบอนาคตเมือง สำรวจ พ.ร.บ.กรุงเทพฯ พ.ศ. 2528 “โบราณ” ขนาดไหน?

ออกแบบอนาคตเมือง สำรวจ พ.ร.บ.กรุงเทพฯ พ.ศ. 2528 “โบราณ” ขนาดไหน?

19 เมษายน 2568

“ปฏิวัติกรุงเทพฯ” ยุคใหม่ เมื่อ กทม. เสนอแก้ พ.ร.บ.เก่าอายุเกือบ 40 ปี สู่ระบบบริหารจัดการเมืองที่ทันสมัยและยืดหยุ่น เร่งเครื่องสู่ “เมืองอัจฉริยะ” อย่างแท้จริง?

KEY

POINTS

  • “พระราชบัญญัติระเบียบบริ

“ปฏิวัติกรุงเทพฯ” ยุคใหม่ เมื่อ กทม. เสนอแก้ พ.ร.บ.เก่าอายุเกือบ 40 ปี สู่ระบบบริหารเมืองที่ทันสมัยและยืดหยุ่น

 

ในยุคที่เมืองใหญ่ทั่วโลกต่างเร่งเครื่องสู่ “เมืองอัจฉริยะ” และ “เมืองเพื่อทุกคน” กรุงเทพมหานครในฐานะศูนย์กลางของประเทศไทย ก็ไม่อาจหยุดนิ่งอยู่กับระบบบริหารแบบเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2528 ได้อีกต่อไป

 

กฎหมายที่ชื่อว่า “พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “พ.ร.บ.กรุงเทพฯ” คือเสาหลักของระบบการบริหารเมืองหลวงที่ใช้มายาวนานเกือบ 40 ปี แม้จะมีการปรับปรุงรายมาตราเป็นระยะ แต่ภาพรวมของกฎหมายฉบับนี้ยังคงไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม ความเหลื่อมล้ำ หรือการมีส่วนร่วมของประชาชน

 

จาก “ภูธร-นครบาล” สู่มหานคร: ที่มาของ พ.ร.บ.กรุงเทพฯ พ.ศ. 2528

 

ก่อนปี พ.ศ. 2515 กรุงเทพมหานครยังถูกแบ่งการปกครองออกเป็น “จังหวัดพระนคร” และ “จังหวัดธนบุรี” จนกระทั่งรัฐบาลในขณะนั้นมีแนวคิดปฏิรูประบบราชการและการบริหารท้องถิ่น จึงได้รวมทั้งสองจังหวัดเข้าด้วยกันเป็น “กรุงเทพมหานคร” เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2515 โดยใช้พระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงฐานะของพื้นที่เป็น “เขตปกครองพิเศษ”

 

หลังจากนั้น กรุงเทพมหานครก็มีสถานะพิเศษที่ไม่เหมือนจังหวัดอื่น ๆ มีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มาจากการแต่งตั้ง และต่อมาจึงเริ่มมีการเลือกตั้งโดยตรง

 

เพื่อวางระบบบริหารราชการให้มั่นคงและสอดคล้องกับสถานะของกรุงเทพฯ ที่เปลี่ยนไป รัฐบาลจึงตรา "พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528" ขึ้นใช้เป็นกรอบในการบริหารเมืองหลวง โดยมีเป้าหมายเพื่อกระจายอำนาจให้กรุงเทพมหานครสามารถบริหารจัดการตนเองได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ยังคงอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลางในบางด้าน

 

กฎหมายฉบับนี้กำหนดโครงสร้างของกรุงเทพมหานครไว้อย่างละเอียด ทั้งเรื่องตำแหน่งผู้บริหาร (ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองผู้ว่าฯ เลขานุการ ฯลฯ) หน่วยงานภายใน ระบบสภากรุงเทพมหานคร เขตและเขตการปกครองย่อย รวมถึงกรอบอำนาจหน้าที่ในการจัดการบริการสาธารณะต่าง ๆ เช่น การขนส่ง การเก็บขยะ น้ำเสีย ตลาด โรงเรียน ฯลฯ

 

แม้ พ.ร.บ. นี้จะเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยสร้างความเป็นอิสระของกรุงเทพฯ ในการพัฒนาเมืองตลอดเกือบ 4 ทศวรรษที่ผ่านมา แต่ด้วยกาลเวลาและบริบทที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ข้อจำกัดของกฎหมายเริ่มเห็นได้ชัด

 

โพสต์ทูเดย์ชวนสำรวจ พ.ร.บ.กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 “โบราณ” ขนาดไหน?

ที่แน่ๆ พ.ร.บ.ฉบับนี้มีอายุเกือบ 40 ปี (ออกเมื่อปี 2528 = ค.ศ. 1985) ซึ่งเป็นยุคที่

- ยังไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ทั่วไป

- กรุงเทพฯ มีประชากรประมาณ 5 ล้านคน (ปัจจุบันเกือบ 11 ล้านคน)

- ยังไม่มีปัญหา PM 2.5, Climate Change, หรือ Urban Innovation แบบทุกวันนี้

- การสื่อสารยังใช้โทรศัพท์บ้าน แฟกซ์ และเอกสารกระดาษเป็นหลัก

 

สรุปชัดๆ กฎหมายฉบับนี้เกิดในยุคที่ "รัฐรวมศูนย์อำนาจ" และระบบราชการยังคงเข้มข้นมาก ดังนั้นจึงเขียนในลักษณะที่ ควบคุมมากกว่าเปิดกว้างให้ยืดหยุ่น ในขณะที่โลกเปลี่ยนไปสู่ “เมืองที่บริหารโดยข้อมูลและนวัตกรรม” แต่กรอบอำนาจของ กทม. ยังติดอยู่กับขอบเขตเก่าที่ล้าสมัย

 

ข้อบกพร่องสำคัญของ พ.ร.บ.เดิม


1. ขอบเขตอำนาจหน้าที่ไม่สอดคล้องกับภารกิจจริง
หลายภารกิจที่ประชาชนคาดหวังว่า กทม. ต้องดูแล เช่น ปัญหาคนไร้บ้าน มลพิษจากยานพาหนะ การดูแลกลุ่มเปราะบาง กลับอยู่นอกเหนือขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจไว้ ทำให้เกิด “ช่องว่างความรับผิดชอบ” ซึ่งส่งผลให้ประชาชนไม่ได้รับบริการครบถ้วน


2. รายได้จำกัด – พึ่งพารัฐบาลกลาง
กทม. ไม่มีอำนาจจัดเก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียมที่ทันยุค เช่น ภาษีมลพิษ ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจใหม่ ๆ (แพลตฟอร์ม, EV ฯลฯ) งบประมาณส่วนใหญ่มาจากการจัดสรรของรัฐ จึงมีข้อจำกัดในการวางแผนระยะยาว

 

3. โครงสร้างบุคลากรไม่ยืดหยุ่น
ระบบราชการยังยึดติดกับตำแหน่งและลำดับชั้นแบบเดิม ไม่รองรับความคล่องตัวของยุคใหม่ ข้าราชการการเมือง เช่น รองผู้ว่าฯ หรือผู้อำนวยการเขต มีอำนาจจำกัดในการตัดสินใจ ทำให้นโยบายดี ๆ ชะงักกลางทาง


4. การมีส่วนร่วมของประชาชนถูกจำกัด
ไม่มีการเปิดช่องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในนโยบายหรือการวางแผนอย่างแท้จริง ระบบการประเมินผลการทำงานของ กทม. ยังไม่โปร่งใส หรือขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจากประชาชน

 

5. ไม่ทันเทคโนโลยีและบริบทสมัยใหม่
ไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับ “เมืองอัจฉริยะ (Smart City)” หรือ “เมืองยั่งยืน (Sustainable City)” ขาดกลไกจัดการข้อมูลเมือง (urban data governance) และการเปิดเผยข้อมูล (open data) เพื่อให้ภาคเอกชนและประชาชนใช้ร่วมพัฒนาเมือง

 

สรุปสั้น ๆ: พ.ร.บ.นี้ “เก่าเพราะโลกเปลี่ยน" กฎหมายฉบับนี้ไม่ผิด แต่ “ไม่พอ” สำหรับเมืองหลวงที่กำลังกลายเป็นมหานครระดับโลก

 

แก้ พ.ร.บ. ด้วยแนวคิด “คน-งาน-เงิน” สามเสาหลักเพื่อเมืองที่ดีขึ้น


แนวทางการแก้ไข พ.ร.บ.กรุงเทพฯ ในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ปรับถ้อยคำหรือบทบัญญัติให้ทันยุคเท่านั้น แต่เป็นการ “ยกเครื่อง” ระบบการบริหารทั้งระบบ ด้วยแนวคิดหลัก 3 ด้านที่ กทม. เรียกว่า “คน-งาน-เงิน”

 

1. ‘งาน’ ต้องตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ของเมือง
หนึ่งในปัญหาหลักที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา คือขอบเขตอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานครยังไม่ครอบคลุมกับภารกิจที่จำเป็นในยุคปัจจุบันกทม.จึงเสนอให้ขยายอำนาจในหลายด้าน เช่น

  • การดูแลกลุ่มเปราะบาง อย่างครบวงจร ทั้งผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการ และคนไร้บ้าน
  • การควบคุมธุรกิจผิดกฎหมาย และการแก้ไขปัญหามลพิษ โดยเฉพาะมลพิษจากรถยนต์และโรงงาน
  • การใช้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อการบริหารจัดการเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ
     

2. ‘เงิน’ ต้องมีอิสระมากขึ้น เพื่อใช้พัฒนาเมืองได้เต็มศักยภาพ
กฎหมายเดิมจำกัดความสามารถของ กทม. ในการจัดหารายได้ ทำให้การพัฒนาเมืองต้องรอการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง หรือมีงบประมาณไม่เพียงพอ ในการแก้ไขครั้งนี้ กทม. เสนอให้มีอำนาจในการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น

  • ภาษีบุหรี่
  • ภาษีโรงแรม
  • ค่าธรรมเนียมการจอดรถ หรือแม้แต่
  • ภาษีมลพิษจากรถยนต์เก่า

การเปิดช่องทางรายได้ใหม่เหล่านี้จะช่วยให้กรุงเทพฯ มีทรัพยากรเพียงพอสำหรับการลงทุนในบริการสาธารณะ โครงสร้างพื้นฐาน และนวัตกรรมต่าง ๆ

 

3. ‘คน’ ต้องมีบทบาทที่ชัดเจนและยืดหยุ่น
บุคลากรคือหัวใจของระบบราชการ และการบริหารเมืองที่ดีต้องมีคนที่เหมาะสมในตำแหน่งที่เหมาะสม

การแก้ไข พ.ร.บ. ในส่วนนี้มุ่งไปที่การปรับโครงสร้างและอำนาจของ “ข้าราชการการเมือง” เช่น รองผู้ว่าฯ ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์เมือง

 

ร่วมออกแบบอนาคตเมือง

สร้างเมืองแบบมีส่วนร่วม ประชาชนสามารถร่วมออกแบบอนาคตผ่านเว็บไซต์และกิจกรรม
การแก้ไขกฎหมายซึ่งไม่ใช่เรื่องของฝ่ายปกครองฝ่ายเดียวอีกต่อไป

กรุงเทพมหานครได้เปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ผ่านเว็บไซต์ 2528.bangkok.go.th

โดยเปิดรับความคิดเห็นถึง วันที่ 18 พฤษภาคม 2568

นอกจากนี้ กทม. ยังจัดกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อให้ประชาชนเรียนรู้กฎหมายในรูปแบบใหม่ เช่น “บอร์ดเกมแก้กฎหมาย” ที่จะจัดขึ้นที่ BACC ชั้น 5 ในวันที่ 26 เม.ย., 3 พ.ค., และ 10 พ.ค. 2568 เวลา 13.00–17.00 น.

 

จุดเปลี่ยนแห่งอนาคต จากเวทีประชาชน สู่รัฐสภา

 

หลังจากรวบรวมความคิดเห็นจากประชาชน กทม. จะจัดทำร่าง พ.ร.บ. ฉบับใหม่ เสนอผ่านกระทรวงมหาดไทย เข้าสู่คณะรัฐมนตรี และนำเข้าสู่รัฐสภาเพื่อพิจารณา

นี่จะไม่ใช่การแก้กฎหมายที่อยู่ในห้องประชุมเท่านั้น แต่เป็นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งจะมีโอกาสสะท้อนความคิดเห็นในทุกขั้นตอน

 

จุดเริ่มต้นของมหานครแห่งอนาคต

 

การปรับปรุง พ.ร.บ.กรุงเทพฯ ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของกฎหมาย หากแต่เป็นการวางรากฐานใหม่ของกรุงเทพมหานครในศตวรรษที่ 21 เมืองที่สามารถดูแลคนได้ทุกกลุ่ม มีระบบบริหารที่โปร่งใส ยืดหยุ่น และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

หากทำสำเร็จ กฎหมายฉบับใหม่นี้จะกลายเป็นต้นแบบของการบริหารเมืองใหญ่ในประเทศไทย และเป็นสัญลักษณ์ของ “เมืองหลวงที่ไม่หยุดนิ่ง” อย่างแท้จริง

 

ออกแบบอนาคตเมือง สำรวจ พ.ร.บ.กรุงเทพฯ พ.ศ. 2528 “โบราณ” ขนาดไหน?

Thailand Web Stat