posttoday

ผู้ป่วยฝีดาษลิงคนแรกหายแล้ว รัฐเตรียมนำเข้าวัคซีน ฉีดใน 3 กลุ่มเสี่ยงก่อน!

07 กันยายน 2567

กรมควบคุมโรค ใช้งบ 21 ล้านบาท จัดหาวัคซีนฝีดาษลิง 3,000 โดด เน้นฉีดให้ 3 กลุ่มเสี่ยงฟรี พร้อมเผยการระบาดของโรคยังต่ำ

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567 ที่กรมควบคุมโรค นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) เผยว่า โรคฝีดาษวานรอัตราการแพร่ระบาดต่ำ ต้องสัมผัสใกล้ชิดเท่านั้น ถึงจะมีการติดเชื้อ ส่วนอาการของโรคก็ไม่มีไอ ไม่มีน้ำมูก โอกาสจะระบาดใหญ่จึงประเมินแล้วไม่สูง

อย่างไรก็ตามคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า สำหรับวัคซีนฝีดาษวานร ควรมานำมาใช้เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่ยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย กรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนฝีดาษวานร รวม 3,000 โดส โดยหลังดำเนินการสั่งซื้อแล้วต้องรออีกประมาณ 4 เดือน ถึงจะมีวัคซีนเข้ามาใช้ในประเทศ

สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับการฉีดวัคซีนฟรีนั้น ได้แก่

1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค
2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ จะฉีดภายใน 4 วัน
3. กลุ่มที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ

ส่วนอีกกลุ่มที่จะเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของโรคนั้น อาจจะต้องฉีดโดยเสียค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งปัจจุบันมีที่สภากาชาด 

 

นพ.ธงชัย กล่าวด้วยว่า การฉีดไม่ใช่ฉีดทั่วไป เพราะอัตราระบาดต่ำ

โดยปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์เคลด 2 พบป่วย 673 ราย แต่ปีนี้พบป่วยลดลงลง เหลือ 146 ราย ในกลุ่มชายที่ขายบริการทางเพศกับผู้ชาย และมักจะพบผู้เสียชีวิตหากมีโรคเอชไอวีร่วมด้วย ซึ่งฝีดาษวานรที่ผ่านมาพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แลัไม่มีการแพร่กระจาย


ส่วน ฝีดาษวานร เคลด 1บี ที่มีผู้ติดเชื้อรายแรกนั้น รักษาหายแล้ว ขณะที่คนใกล้ชิด 43 คน ก็ครบกำหนดติดตามแล้ว ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม แปลว่า ไม่มีการระบาด หรือติดเชื้อในประเทศไทย