วิจัยเผย ภาวะเศรษฐกิจผันผวนกระทบสุขภาพจิตคน Gen Z มากที่สุด
ผลสำรวจ “ภาวะเศรษฐกิจกับสุขภาพจิต” โดย Bankrate เผย ภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลกผันผวนกระทบสุขภาพจิตคน Gen Z (อายุ 18-27) มากที่สุด โดยผู้ตอบแบบสำรวจเกือบครึ่ง (47%) มีภาวะนอนไม่หลับ รู้สึกเครียด วิตกกังวล ไปจนถึงภาวะซึมเศร้า
ผลสำรวจเรื่อง “ภาวะเศรษฐกิจกับสุขภาพจิต” โดย Bankrate เผยว่า ภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลกผันผวนกระทบสุขภาพจิตคน Gen Z (อายุ 18-27) มากที่สุด โดยผู้ตอบแบบสำรวจเกือบครึ่ง (47%) มีภาวะนอนไม่หลับ รู้สึกเครียด วิตกกังวล ไปจนถึงภาวะซึมเศร้า
ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อในปัจจุบัน คน Gen Z จำนวนมากต้องตกอยู่ในภาวะ “ใช้เงินแบบเดือนชนเดือน” ไปจนถึง “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” การเก็บออมเงินเพื่ออนาคต จึงเป็นจุดที่กลายเป็นเรื่องเกินเอื้อมสำหรับคนกลุ่มดังกล่าว จนก่อให้เกิดภาวะเครียดและวิตกกังวล
คนกลุ่ม Gen Z ยังมีความกังวลต่อสภาวะการก่อหนี้ ขาดรายได้ ขาดความมั่นคงในหน้าที่การงาน และการไม่มีเงินสำรองไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
นอกจากปัจจัยเรื่องเงิน ผู้ตอบแบบสำรวจกลุ่ม Gen Z ยังระบุปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติมที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพจิตของพวกเขา เช่น สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน, ปัญหาด้านสุขภาพ, ปัญหาในความสัมพันธ์และภาระหน้าที่ในครัวเรือน
คน Gen Z หันมาเก็บเงินแบบ “Soft Saving”
เมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมบีบให้คนรุ่นใหม่เกิดภาวะเครียดและวิตกกังวลไปโดยปริยาย การเก็บออมเงินแบบ “Soft Saving” จึงกลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นการใช้เงินเพื่อแลกกับความสุขเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวันแทนที่จะเก็บออมเงินจำนวนมากๆไว้สำหรับอนาคต
การเก็บเงินแบบ “Soft Saving” ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่ จะไม่แบ่งสัดส่วนเงินไว้สำหรับเก็บออมเลย เพียงแต่จะแบ่งในสัดส่วนที่น้อยเท่านั้น และหันมาใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกสบายเพื่อแลกกับสุขภาพจิตที่ดีขึ้นแทน
ทั้งนี้ เทรนด์การเก็บเงินดังกล่าวที่ได้รับความนิยมในหมู่คน Gen Z อาจสอดคล้องกับอายุของคนกลุ่มนี้ที่ยังอยู่ในวัยเรียนและเพิ่งเริ่มทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่มองว่ายังมีเวลาอีกมากในการหาเงินและเก็บออมไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิต สิ่งที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันคือการมอบความสุขเล็กๆน้อยๆเพื่อชุบชูใจตัวเองในแต่ละวัน ให้มีแรงลุกขึ้นมาสู้ชีวิตต่อท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในสังคมที่คนทั่วโลกล้วนเผชิญ