ผู้ป่วยเบาหวานไทยทะลุ 5 ล้านคนในอีก 20 ปี เกือบครึ่งไม่ได้รับการวินิจฉัย
'โนโว นอร์ดิสค์' เผยคาดการณ์ผู้ป่วยเบาหวาน หนึ่งในโรค NCDs ยอดฮิตในไทยสูงถึง 5.3 ล้านคนภายในปี 2583 ชี้น่าตกใจเกือบครึ่งยังไม่ได้รับการวินิจฉัย ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง และมีภาระค่าใช้จ่ายสูงเกือบ 5 หมื่นบาทต่อปี
บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา ประเทศไทย จำกัด ระบุถึงสถานการณ์ผู้ป่วยเบาหวานว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคเบาหวานมากกว่า 537 ล้านคนทั่วโลก และสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (IDF) ได้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 643 ล้านคนภายในปี 2573 คน
นอกจากนี้ โรคเบาหวานมีส่วนทำให้เสียชีวิตสูงถึง 6.7 ล้านคน หรือเสียชีวิต 1 ราย ในทุกๆ 5 วินาที
ประเทศไทยก็เผชิญวิกฤตเช่นกัน โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยสูงถึง 5.3 ล้านคนภายในปี 2583 และที่น่าตกใจคือเกือบครึ่งยังไม่ได้รับการวินิจฉัย โรคเบาหวานไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โรคหัวใจและโรคไต แต่ยังสร้างภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงถึงปีละ 47,596 ล้านบาทต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ โพสต์ทูเดย์ เจาะข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ระบุว่าจากสถิติในปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทยมีผู้ที่เป็นเบาหวาน 4.4 ล้านคน มากเป็นอันดับ 4 รองจาก จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ในขณะที่กรมควบคุมโรคเคยออกมาเปิดเผยตัวเลขเมื่อปี 2566 ระบุว่า ประเทศไทยพบอุบัติการณ์โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2566 มีผู้ป่วยรายใหม่ เพิ่มขึ้น 3 แสนคนต่อปี ในปี พ.ศ. 2565 มีผู้ป่วยโรคเบาหวานสะสมจำนวน 3.3 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2564 มากถึง 1.5 แสนคน
สำหรับการคัดกรองผู้ป่วยรายใหม่ในปี 2566 พบว่า การคัดกรองผู้ป่วยโรคเบาหวานในประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป ยังไม่ได้รับการคัดกรองโรคเบาหวานมากถึง 5 ล้านคนจากเป้าหมายทั่วประเทศ 22 ล้านคน และมีการกล่าวเตือนว่า หากตรวจพบตั้งแต่เริ่มแรกและรักษาได้เร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงและอาจถึงแก่ชีวิตได้
- โครงการ Affordability Project ภายใต้การดำเนินงานของ Novo Nordisk
นายเอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์ รองประธานกรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา ประเทศไทย จำกัด ได้กล่าวถึงโครงการ Affordability Project โดยร่วมมือกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างเท่าเทียม ทั้งในการช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการตรวจวินิจฉัยได้อย่างทั่วถึง และการนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการดูแลโรคเบาหวานมาถ่ายทอดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้องให้สามารถดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนและลดค่าใช้จ่ายในระบบสาธารณสุข
โครงการ Affordability Project มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2565 – 2568 โดยปัจจุบันได้บรรลุเป้าหมายไปมากกว่า 70% ตามที่กำหนดไว้ใน 3 ด้านหลักๆ ได้แก่
- จำนวนผู้ได้รับการตรวจคัดกรองทั้งหมด 53,000 คน ใน 13 เขตสุขภาพ ครอบคลุมพื้นที่ 21 จังหวัด โดยปัจจุบันโครงการฯ ได้ตรวจคัดกรองโรคเบาหวานได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
- จำนวนบุคลากรทางการแพทย์และผู้เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาผู้ป่วยทั้งหมด 7,000 คน โดยได้จัดฝึกอบรมสำเร็จไปกว่า 85% ครอบคลุมโรงพยาบาล 2,212 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงได้จัดเวิร์กช็อปภาคปฏิบัติสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะการรักษาโรคเบาหวาน
- จำนวนผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานและอยู่ในการควบคุมดูแลระดับน้ำตาลอย่างเข้มข้นจำนวน 7,000 คน ในเฟสแรกมีผู้เข้าร่วมกว่า 2,500 คน และสามารถลดระดับ HbA1C (ตัวชี้วัดระดับน้ำตาลในเลือดเฉลี่ย) ได้ถึง 70% โดย 21.5% บรรลุเป้าหมายของตนเอง และโครงการฯ จะเริ่มเฟสที่สองสำหรับผู้ป่วยอีก 2,500 คนเป็นลำดับต่อไป จากผลลัพธ์ของโครงการได้สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยที่เข้มข้น
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้โครงการ Affordability Project บรรลุเป้าหมายในระยะยาว จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนและการสนับสนุนด้านงบประมาณอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในโอกาสวันเฉลิมฉลองวันเบาหวานโลก ในปี 2567 (World Diabetes Day 2024) โนโว นอร์ดิสค์ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับโรคเบาหวาน ร่วมกับสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ สมาคมเครือข่ายโรคไม่ติดต่อไทย ภาคีเครือข่าย และกรุงเทพมหานคร ในงานปั่นจักรยานและวิ่งมาราธอน "Bangkok Ride and Run 2024 สุขกาย สุขใจ โลกสดใจ ใส่ใจเบาหวาน" ในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะเป็นการปั่นจักรยานร่วมกับนักปั่นจักรยานระดับโลก ซึ่งเป็นผู้ป่วยเบาหวานอีกด้วย.