สปสช.จัดงบปี 68 กว่า 1,500 ล้านบาท หนุน 7 หน่วยบริการนวัตกรรม 30 บาทรักษาทุกที่
สปสช. อัดงบปี 68 กว่า 1,500 ล้านบาท ขับเคลื่อน '7 หน่วยบริการนวัตกรรม' ของนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ต่อเนื่อง คลินิกการพยาบาลสูงสุดที่ 500 ล้านบาท รองมาคือร้านยา พร้อมแจงหลักเกณฑ์การจ่ายค่าชดเชยที่เปลี่ยนแปลงไปในปี 2567
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า หน่วยบริการนวัตกรรมทั้ง 7 ประเภท ที่เข้าร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน “30 บาทรักษาทุกที่” เพื่อลดความแออัดของโรงพยาบาล อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกของประชาชนในการเข้ารับบริการใกล้บ้าน ลดเวลาการเดินทางและลดค่าใช้จ่ายของประชาชน จนถึงวันนี้ได้ดำเนินการครอบคลุม 46 จังหวัดแล้ว และเตรียมที่จะขยายครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยบริการนวัตกรรมทั้งร้านยาและคลินิกเอกชนต่างๆ ร่วมขึ้นทะเบียนกับ สปสช. แล้วเป็นจำนวน 12,325 แห่ง (ข้อมูล ณ 26 พ.ย. 2567)
ที่ผ่านมา ระบบการจ่ายชดเชยค่าบริการนวัตกรรม ตามอัตราที่ สปสช. กำหนดจ่าย และการโอนเงินค่าบริการภายใน 3 วันหลังส่งบันทึกการเบิก เป็นที่ยอมรับของหน่วยบริการนวัตกรรมทำให้มีหน่วยเอกชนสมัครเข้าร่วมมากขึ้น อย่างไรก็ดีระบบการโอนจ่ายเงินทุก 3 วันดังกล่าว ทำให้มีข้อมูลคงค้างสะสมจากการตรวจสอบให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทุกวัน
ดังนั้นปีงบประมาณ 2568 สปสช. ได้ปรับเวลาการจ่ายชดเชยให้กับหน่วยบริการนวัตกรรมเป็นการจ่ายทุกวันพุธแทน เพื่อให้มีระยะเวลาตรวจสอบได้ทัน และเพื่อให้การเบิกจ่ายที่ติดปัญหาถูกแก้ไขโดยเร็ว พร้อมกันนี้ได้มอบให้ สปสช. เขตเป็นจุดประสานงานรองรับการติดต่อสอบถามข้อสงสัยให้กับหน่วยบริการ นอกจากนี้ สปสช.ส่วนกลาง จะมี Live สดทาง Facebook สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทุกวันศุกร์ เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ แก้ไขปัญหาอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาของหน่วยบริการนวัตกรรมเพิ่มเติม
- งบประมาณแยกตามหน่วยนวัตกรรมต่างๆ
สำหรับจุดเน้นของการขับเคลื่อนหน่วยบริการนวัตกรรมปี 2568 ยังคงเน้นสนับสนุนนโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ในรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มเติม ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิบัตรทองเข้ารับบริการสุขภาพให้กับประชาชน โดยเน้นบริการเชิงรุกในชุมชน ในโรงเรียน บริการเคลื่อนที่และบริการการแพทย์ทางไกลผ่านตู้ห่วงใยและโทรศัพท์มือถือจากที่บ้าน รวมถึงการควบคุมกำกับคุณภาพและมาตรฐานบริการของหน่วยนวัตกรรม โดยเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2567 ได้มีจัดประชุมชี้แจง สปสช. ทั้ง 13 เขต เพื่อให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
ภก.คณิตศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ในส่วนของงบดำเนินการหน่วยบริการนวัตกรรม ปีงบประมาณ 2568 สปสช. จัดสรรงบบริการ จำนวน 2,180.23 ล้านบาท เป็นค่าบริการสำหรับหน่วยบริการปฐมภูมิ ระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) และจัดส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้จัดสรรเป็นค่าบริการสำหรับหน่วยบริการนวัตกรรมจำนวน 1,521.61 ล้านบาท แยกเป็นงบประมาณตามประเภทหน่วยบริการนวัตกรรม ดังนี้
- คลินิกการพยาบาล จำนวน 509.36 ล้านบาท
- ร้านยา จำนวน 492 ล้านบาท
- คลินิกเทคนิคการแพทย์ จำนวน 289.15 ล้านบาท
- คลินิกทันตกรรม ทันตกรรมเคลื่อนที่ จำนวน 101.37 ล้านบาท
- คลินิกเวชกรรม จำนวน 77 ล้านบาท
- คลินิกกายภาพบำบัด จำนวน 41.45 ล้านบาท
- คลินิกแพทย์แผนไทย จำนวน 11.29 ล้านบาท
“งบประมาณที่จัดสรรเพิ่มขึ้นมาในปีนี้ มุ่งเน้นการรองรับการเข้ารับบริการของประชาชน ที่หน่วยบริการนวัตกรรม โดยคำนวณจากการเข้ารับบริการในปีที่ผ่านมาและกำหนดเป้าหมายกการเข้ารับบริการที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสร้างความมั่นใจว่า งบประมาณในส่วนนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนในการใช้สิทธิบัตรทองใกล้บ้านได้เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา” ภก.คณิตศักดิ์ กล่าว
- หลักเกณฑ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงของการจ่ายค่าบริการปี 2568
สำหรับภาพรวมหลักเกณฑ์การจ่ายชดเชยค่าบริการของหน่วยบริการนวัตกรรมปี 2568 ที่มีการปรับเปลี่ยนนั้น เริ่มจากร้านยาจะมีเพิ่มการให้บริการโรคทั่วไป (Common Illnesses) จาก 16 กลุ่มอาการ เป็น 32 กลุ่มอาการ เพิ่มรายการตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับ การตรวจคัดกรองเอชไอวี และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (HPV) และยกเลิกการจ่าย PP Fee schedule ในบริการคัดกรองและประเมินปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพกาย/สุขภาพจิต
ส่วนคลินิกพยาบาลได้เพิ่มรายการจ่ายบริการสร้างเสริมสุขภาพฯ ตามรายการบริการ (PP Fee schedule) และการคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับ โดยระงับบริการเยี่ยมบ้านไว้ก่อนระหว่าง 1 ต.ค.- 31 ธ.ค. 2567 เพื่อรอการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ รวมทั้งยกเลิกการจ่าย PP Fee schedule รายการคัดกรองและประเมินปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพกาย/สุขภาพจิต
คลินิกเทคนิคการแพทย์และ Lab Anywhere เพิ่มรายการบริการสร้างเสริมสุขภาพฯ ที่เป็นการจ่ายตามรายการบริการ (PP Fee schedule) เช่น รายการตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับ ทั้งนี้ คลินิกพยาบาลและคลินิกเทคนิคการแพทย์จะมีการเพิ่มรายการ PP Fee schedule รายการการตรวจคัดกรองเอชไอวี และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (HPV) เหมือนกับร้านยาต่อไป นอกจากนี้ยังมีบริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ ซึ่งจะเพิ่มการให้บริการจาก 1 คน/ครั้ง/ปี เป็น 2 คน/ครั้ง/ปี รวมถึงการเพิ่มกลุ่มเป้าหมายอื่นตามที่ สปสช. กำหนด นอกเหนือจากเดิมที่ทำเฉพาะในกลุ่มผู้ต้องขัง ทั้งหมดนี้เป็นการปรับการบริการในปี 2568 นี้