posttoday

เช็กลิสต์ 'ของต้องมีติดบ้าน' ในภาวะฉุกเฉิน หลังภัยพิบัติ พ.ศ.นี้ รุนแรงนัก!

12 มกราคม 2568

โพสต์ทูเดย์พาเก็บลิสต์ 'อุปกรณ์ช่วยให้รอด' และ 'ของต้องมีติดบ้าน' เผื่อในภาวะฉุกเฉิน หลังภัยพิบัติทางธรรมชาติ พ.ศ.นี้ รุนแรงกว่าที่คิด ต้องมีอะไรบ้าง?

เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติประเภทใด การมีอุปกรณ์พื้นฐานเช่น อาหาร, น้ำ, ยา และสิ่งจำเป็นในกรณีฉุกเฉินถือเป็นสิ่งสำคัญ การรอคอยเจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ให้ความช่วยเหลือเข้ามาช่วยเหลือหลังจากเกิดภัยพิบัติเพียงอย่างเดียว เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง!  เพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในทุกพื้นที่ และไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้ในทันที บางคนต้องรอหลายชั่วโมงหรือแม้กระทั่งหลายวัน โดยเฉพาะหลังจากการเกิดภัยพิบัติใหญ่ที่มีการประเมินว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน

จากข้อมูลของ สภากาชาดสหรัฐอเมริกา (American Red Cross) ได้ระบุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในภาวะฉุกเฉิน หรือเหมาะสมสำหรับการอพยพ ในกรณีที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ดังนี้

 

อุปกรณ์พื้นฐานต้องมีติดบ้าน!

  1. น้ำ ปริมาณ 1 แกลลอนต่อคนต่อวัน (สำหรับ 3 วันในกรณีอพยพ และ 2 สัปดาห์ในกรณีที่อยู่บ้าน)
  2. อาหารที่เก็บได้นานและพร้อมรับประทาน (สำหรับ 3 วันในกรณีอพยพ และ 2 สัปดาห์ในกรณีที่อยู่บ้าน)
  3. ไฟฉาย
  4. วิทยุแบบใช้แบตเตอรี่หรือมือหมุน
  5. แบตเตอรี่สำรอง / ถ่านไฟฉาย
  6. ชุดปฐมพยาบาล
  7. ยาที่จำเป็นสำหรับ 7 วัน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น
  8. เครื่องมืออเนกประสงค์แบบพกพา
  9. อุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดส่วนตัว
  10. สำเนาเอกสารส่วนตัว ( รายการยาและข้อมูลทางการแพทย์ที่สำคัญ, หลักฐานที่อยู่, โฉนด/สัญญาเช่าบ้าน, หนังสือเดินทาง, สูติบัตร, กรมธรรม์ประกันภัย)
  11. โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ชาร์จ
  12. ข้อมูลติดต่อฉุกเฉินและข้อมูลครอบครัว ( ให้เผื่อกรณีที่โทรศัพท์มือถือไม่สามารถติดต่อได้)
  13. เงินสดสำรอง
  14. ผ้าห่มฉุกเฉิน
  15. แผนที่ของพื้นที่

 

เมื่อเตรียมสิ่งของพื้นฐานแล้ว สิ่งที่ควรคิดเพิ่มตามมาคือ ของใช้จำเป็นสำหรับสมาชิกแต่ละคน เช่น

  • อุปกรณ์ทางการแพทย์ (เครื่องช่วยฟังพร้อมแบตเตอรี่สำรอง, แว่นตา, คอนแทคเลนส์, เข็มฉีดยา ฯลฯ)
  • อุปกรณ์สำหรับเด็กทารก กรณีที่มีสมาชิกเป็นทารกและเด็ก (ขวดนม, นมผง, อาหารสำหรับเด็ก, ผ้าอ้อม)
  • เกมและกิจกรรมสำหรับเด็ก
  • อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง (ปลอกคอ, สายจูง, บัตรประจำตัว, อาหาร, กระเป๋าหิ้ว, ชามอาหาร)
  • วิทยุสื่อสารสองทาง
  • กุญแจสำรองของรถยนต์และบ้าน

 

นอกจากนี้ ยังต้องคิดเผื่อในกรณีที่ภัยพิบัติต่างประเภทกัน ก็อาจจะพิจารณาหาอุปกรณ์เพิ่มเติม อาทิ

  • นกหวีด
  • หน้ากาก N95 หรือหน้ากากทางการแพทย์
  • ไม้ขีดไฟ
  • เสื้อกันฝน
  • ผ้าขนหนู
  • ถุงมือทำงาน
  • เครื่องมือ/อุปกรณ์สำหรับการป้องกันบ้าน
  • เสื้อผ้า, หมวก, และรองเท้าที่ทนทาน
  • แผ่นพลาสติก
  • เทปกาว
  • กรรไกร
  • น้ำยาฟอกขาวสำหรับใช้ในบ้าน
  • ผ้าห่มหรือถุงนอน

 

นอกจากนี้ การดูแลรักษาอุปกรณ์ยามฉุกเฉินก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกัน โดยมีเคล็ดลับง่ายๆ ได้แก่

  1. เก็บอาหารกระป๋องในที่แห้งและอุณหภูมิที่เย็น
  2. เก็บอาหารที่เป็นกล่องในภาชนะพลาสติกหรือโลหะที่ปิดสนิทเพื่อป้องกันศัตรูพืชและยืดอายุการเก็บ
  3. ทิ้งอาหารกระป๋องที่บวม, บุบ, หรือมีสนิม
  4. ใช้อาหารก่อนที่จะหมดอายุ และเปลี่ยนเป็นอาหารใหม่ที่สด
  5. วางสิ่งของใหม่ไว้ที่ด้านหลังของพื้นที่จัดเก็บ และเก็บสิ่งของเก่าไว้ที่ด้านหน้า
  6. เปลี่ยนอาหารและน้ำที่เก็บไว้ทุกๆ หกเดือน และอย่าลืมเขียนวันที่ที่เก็บไว้บนภาชนะทุกชิ้น
  7. ทบทวนความต้องการทุกปีและอัปเดตชุดอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับความต้องการที่เปลี่ยนไป
  8. เก็บสิ่งของในถุงพลาสติกที่ปิดสนิทและใส่ชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินทั้งหมดในภาชนะที่สะดวกต่อการพกพา เช่น ถังขยะที่ยังไม่ใช้, กระเป๋าเดินทาง เป็นต้น