posttoday

'พาสปอร์ตทรงอิทธิพล' ไม่ได้มีผลแค่เที่ยว! แต่คือโอกาสทางเศรษฐกิจและงาน

16 มกราคม 2568

'สิงคโปร์' ได้รับการจัดอันดับให้เบอร์ 1 ของ 'พาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลของโลก' อีกครั้งในปีนี้ ซึ่งวัดจากการเดินทางเข้าประเทศแบบไม่ต้องใช้วีซ่า! นอกจากสะท้อนว่าคนสิงคโปร์สามารถเที่ยวทั่วโลกได้ง่ายดายแล้ว ยังสะท้อนถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและโอกาสของการทำงานอีกด้วย!

KEY

POINTS

  • 'สิงคโปร์' ได้รับการจัดอันดับให้เบอร์ 1 ของ 'พาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลของโลก' อีกครั้งในปี 2025
  • พาสปอร์ตทรงอิทธิพล นอกจากทำให้เที่ยวง่าย ยังทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจและการทำงานที่มากขึ้น
  • ขณะที่ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 61 สามารถเดินทางเข้าได้ 82 ประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า

จากกรณีที่ Henley Passport Index จัดอันดับหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลสุดในโลก โดยวัดจากจำนวนประเทศที่ผู้ถือพาสปอร์ตสามารถเดินทางเข้าได้เลยโดยไม่ต้องขอวีซ่า สำหรับปีนี้ 'สิงคโปร์' กลับมาครองอันดับ 1 อีกครั้ง โดยผู้ถือพาสปอร์ตสิงคโปร์สามารถเดินทางเข้าได้ 195 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่า 

อันดับที่ 2 คือ ประเทศญี่ปุ่น  เดินทางเข้าได้ 193 ปลายทาง ญี่ปุ่นกลับมาได้สิทธิ์เดินทางเข้าจีนโดยไม่ต้องขอวีซ่าอีกครั้ง นับตั้งแต่เกิดการล็อกดาวน์ในช่วงโควิด-19

อันดับ 3  ประกอบไปด้วย 6 ประเทศ คือ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน ฟินแลนด์และเกาหลีใต้ สามารถเดินทางเข้า 192 จุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องขอวีซ่า

อันดับที่ 4  ประกอบไปด้วย 7 ประเทศ คือ ออสเตรีย เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน สามารถเดินทางเข้า 191 จุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องขอวีซ่า

อันดับที่ 5 มี 5 ประเทศ ได้แก่ เบลเยียม นิวซีแลนด์ โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร โดยพาสปอร์ตของประเทศเหล่านี้สามารถเดินทางเข้า 190 ปลายทางได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

 

สำหรับ 'ประเทศไทย' อยู่ในอันดับที่ 61 สามารถเดินทางเข้าได้ 82 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

 

ทั้งนี้ หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน มี 2 ประเทศที่อันดับสูงกว่าไทย ได้แก่

1. ประเทศมาเลเซียอยู่อันดับที่ 12 เดินทางได้ 183 ประเทศไม่ต้องขอวีซ่า

2. ประเทศบรูไนอันดับที่ 20 เข้าได้ 166 ประเทศ

ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย อยู่อันดับที่ 66 เดินทางเข้าได้ 76 ประเทศ,  ฟิลิปปินส์อันดับที่ 75 เดินทางเข้าได้ 67 ประเทศ,  กัมพูชาอันดับที่ 89 สามารถเข้าได้ 53 ประเทศ, เวียดนามอันดับที่ 91 เดินทางได้ 51 ประเทศ, ลาวตามมาที่อันดับ 93 เดินทางได้ 49 ประเทศ และเมียนมาอยู่อันดับที่ 94 เดินทางได้ 46 ประเทศ

 

ความสำคัญของ 'การจัดอันดับพาสปอร์ต'

ในปี 2014 สหรัฐอเมริกายืนอยู่บนจุดสูงสุดของ Henley Passport Index โดยครองอันดับที่ 1 ร่วมกับสหราชอาณาจักร ในเวลานั้น ผู้ถือหนังสือเดินทางของสหรัฐฯ สามารถเดินทางเข้าสู่ประเทศต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าหรือขอวีซ่าเมื่อเดินทางถึงในจำนวนมาก ทำให้หนังสือเดินทางของสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในเอกสารการเดินทางที่ทรงพลังที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตาม ในปีต่อๆ มา อันดับของหนังสือเดินทางสหรัฐฯ เริ่มลดลง ล่าสุดตามดัชนี Henley Passport Index สหรัฐฯ ตกลงมาอยู่อันดับที่ 8 ในปัจจุบัน พลเมืองสหรัฐฯ สามารถเดินทางเข้าสู่ 186 จุดหมายปลายทางได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าหรือขอวีซ่าเมื่อเดินทางถึง การลดลงนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์โลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และบทบาทที่เปลี่ยนแปลงของสหรัฐฯ ในการทูตระหว่างประเทศได้

ในขณะที่สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรเคยครองอันดับสูงสุด การเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์ของหนังสือเดินทางทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้พลิกสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 'สิงคโปร์' ที่ก้าวขึ้นมาอย่างโดดเด่นจนคว้าอันดับ 1 ใน Henley Passport Index ได้สำเร็จ

จากการจัดอันดับล่าสุด ผู้ถือหนังสือเดินทางสิงคโปร์สามารถเดินทางเข้าสู่ 195 จาก 227 จุดหมายปลายทางทั่วโลกได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าหรือขอวีซ่าเมื่อเดินทางถึง ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางการทูตที่แข็งแกร่งของสิงคโปร์ และตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ในฐานะศูนย์กลางทางการเงินและการเดินทางระดับโลกนั่นเอง นอกจากนี้การไต่อันดับขึ้นอย่างต่อเนื่องของพาสปอร์ตสิงคโปร์ ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ด้วย

นอกจากนี้ หนังสือพาสปอร์ตที่กำลังมาแรง ได้แก่ พาสปอร์ตของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกิดการลงทุนระดับโลกที่สำคัญ ความพยายามทางการทูต และบทบาทของประเทศในฐานะศูนย์กลางธุรกิจระดับนานาชาติ  รวมไปถึงเกาหลีใต้ เพราะเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและอิทธิพลทางเศรษฐกิจระดับโลกเช่นกัน  และนิวซีแลนด์ด้วยการบริหารจัดการ  เศรษฐกิจที่ดี และความพยายามทางการทูตที่มีประสิทธิภาพ พาสปอร์ตของนิวซีแลนด์ได้รับความนิยมมากขึ้น หลังโควิด 19 นิวซีแลนด์ยังได้รับความสนใจในฐานะแหล่งท่องเที่ยวและศูนย์กลางธุรกิจ

 

ปัจจัยที่กำหนดความแข็งแกร่งของพาสปอร์ต

อิทธิพลของพาสปอร์ตนั้นเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่

  • ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ  เพราะประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตที่แข็งแกร่งมักจะส่งเสริมการเดินทางที่ง่ายขึ้นระหว่างกัน เช่น ประเทศที่มีข้อตกลงการค้า ข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศ หรือวีซ่าเพื่อส่งเสริมการติดต่อระหว่างประชาชนหรือวีซ่าที่เกิดความร่วมมือทางการทูต
  • ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ  ประเทศที่ร่ำรวยและมีการลงทุนหรือการค้าระดับโลกที่สำคัญมักจะมีพาสปอร์ตที่ทรงพลัง เนื่องจากพลเมืองของประเทศเหล่านี้มักได้รับการต้อนรับจากประเทศอื่น ๆ ที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ  นอกจากนี้ ประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนอย่างกว้างขวางมักได้รับสิทธิพิเศษด้านการเดินทาง เช่น การยกเว้นวีซ่าสำหรับนักธุรกิจหรือแรงงานที่เดินทางเพื่อการค้า
  • ความปลอดภัยและการปกครอง ประเทศที่มีความปลอดภัยภายในที่มั่นคง การปกครองที่มีประสิทธิภาพ และปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด มักจะเจรจาข้อตกลงเกี่ยวกับวีซ่าที่ดีกว่าได้ พลเมืองของประเทศเหล่านี้มักถูกมองว่าเป็นนักเดินทางที่มีความเสี่ยงต่ำและเคารพกฎหมาย
  • แรงงานที่มีทักษะสูง  ประเทศที่ส่งออกแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ วิศวกร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี มักได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ส่งผลให้พาสปอร์ตของประเทศเหล่านี้มีมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ ในยุคดิจิทัล การทำงานทางไกล (Remote Work) ทำให้หลายประเทศเสนอ "Digital Nomad Visa" เพื่อดึงดูดผู้ถือพาสปอร์ตจากประเทศที่มีเศรษฐกิจดีมาทำงานและใช้ชีวิตในประเทศปลายทาง นี่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในบทบาทของพาสปอร์ตในบริบทการทำงานยุคใหม่ด้วย
  • ประเทศที่มีระบบการศึกษาและสุขภาพที่ดี มักมีพลเมืองที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพชีวิตสูง ซึ่งช่วยส่งเสริมให้พาสปอร์ตมีอำนาจมากขึ้น เพราะประเทศอื่นมองว่าผู้ถือพาสปอร์ตเหล่านี้มีศักยภาพสูงและไม่น่าจะสร้างปัญหาในกรณีการเดินทาง