posttoday

‘ครูธัญ’ ชี้นโยบายทรัมป์ต่อชุมชน LGBTQ+ อาจกระทบไทย รอความชัดเจนจากครม.

23 มกราคม 2568

‘ครูธัญ’ สส.พรรคประชาชน และ หนึ่งในผู้ผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม ชี้นโยบายทรัมป์กระทบต่อการทำงาน เพราะอาจเกิดข้อโต้เถียงมากขึ้น แลัอาจตัดสวัสดิการและเงินสนับสนุนการทำกิจกรรมของชุมชน เผยรอท่าทีพรรคเพื่อไทยเพื่อผลักดันประเด็นด้านอัตลักษณ์ต่อไป

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.พรรคประชาชน และหนึ่งในผู้ผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม ให้ความเห็นต่อท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษที่มีผลกระทบต่อการระบุเพศในเอกสารราชการของสหรัฐฯ โดยกำหนดให้รัฐบาลกลางยอมรับเพียง 2 เพศ คือ ชายและหญิง และยกเลิกการใช้ตัวเลือกเพศ "X"  ซึ่งรัฐบาลไบเดนเคยอนุญาตให้ประชาชนสามารถเลือกระบุเพศที่ไม่จำเป็นต้องตรงกับเพศกำเนิดบนเอกสารสำคัญได้ว่า

นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อชุมชน LGBTQIA+ ในประเทศไทยนั้น ต้องยอมรับว่าโดนัลด์ ทรัมป์ มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งหมายความว่าคนอเมริกันเลือกมา นอกจากนี้อเมริกายังเป็นประเทศที่มีอิทธิพลทางด้านสื่อ โซเชียลมีเดีย ภาพยนตร์ และความเห็นเหล่านี้แน่นอนว่าจะไหลเข้ามายังประเทศไทย ทำให้การทำงานเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศมีข้อโต้เถียงมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็ยากอยู่แล้ว แต่ก็ต้องตั้งรับและทำงานร่วมกัน

ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตอนนี้ก็รอว่าทางคณะรัฐมนตรีจะทำอย่างไร เพราะหากยื่นวาระเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศไปตอนนี้ก็อาจจะตกอีก แต่เราได้ร่างขึ้นมาใหม่ โดยขณะนี้ต้องบอกว่าทุกอย่างคือเกมการเมือง เราจึงยังไม่กล้ายื่น ต้องรอทางคณะรัฐมนตรียื่นเข้ามาก่อน กังวลว่าจะถูกปัดตกอีก จึงฝากบอกไปยังพรรคเพื่อไทยว่าเราจะต้องผลักดันกันต่อ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยยื่นเข้ามาก่อน  เพราะไม่ใช่แค่โดนัลด์ ทรัมป์ ประเทศไทยเองในเรื่องของอัตลักษณ์ทางเพศก็ยังต้องสร้างความเข้าใจอยู่มาก

 

นโยบายทรัมป์ ส่งผลต่อทุกกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่ม 'ทรานสเจนเดอร์'

สำหรับประเด็นที่โดนัลด์ทรัมป์ ปฏิเสธการใช้เพศ "X" ในเอกสาร และยอมรับแค่สองเพศคือหญิงและชาย ซึ่งกลุ่มที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มทรานส์เจนเดอร์ ที่มีภาพลักษณ์ข้างนอกไม่ตรงกับเพศกำเนิดที่แท้จริงนั้น

ธัญวัจน์ มองว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) อธิบายว่ากลุ่มทรานสเจนเดอร์เป็นกลุ่มที่มีความไม่สบายใจเกี่ยวกับเพศสภาพของตนเอง และมีความจำเป็นบางอย่างที่แตกต่างจากคนทั่วไป หากรัฐส่งเสริมเขาเหมือนคนทั่วไป เขาก็จะมีศักยภาพ นี่คือสิ่งที่เราเข้าใจกัน แต่หากโดนัลด์ ทรัมป์ไม่เห็นด้วยกับทรานสเจนเดอร์ ก็จะทำให้สวัสดิการ เงินสนับสนุนต่างๆ และเงินสนับสนุนในการทำกิจกรรมต่างประเทศ อาจจะไม่มีเลย เพราะอย่างแผนกส่งเสริมความหลากหลาย ( DEI ) ก็ปิดตัวลงแล้ว ซึ่งก็จะส่งผลกระทบแน่นอน นอกจากนี้เรื่องของสุขภาพก็จะถูกตัดสิทธิด้วยเช่นกัน

"กลุ่มทรานสเจนเดอร์เป็นกลุ่มที่ถูกเลือกปฏิบัติมากที่สุด เพื่อนบางคนกว่าจะหางานได้ก็สองปี หรือต้องบินไปทำงานที่ต่างประเทศเลย" ธัญวัจน์กล่าว

สำหรับในเรื่องของเอกสารที่จะมีการยกเลิกเพศ X นั่นคือปัญหาในเรื่องของ Gender Recognition แต่เดิมกฎหมายเรื่องนี้ เราอยากให้กลุ่มทรานสเจนเดอร์มีความสะดวกในการดำเนินชีวิต เอกสารตรงกับเพศสภาพ ซึ่งพอเป็นแบบนี้ก็อาจจะเกิดปัญหาได้ 

อย่างไรก็ตาม มีระบบไบโอเมตริกส์อยู่ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเข้ามาช่วยประเด็นดังกล่าวได้ แต่ก็ยังต้องดูว่ามีการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งก็ต้องรอดูและต้องทำงานอย่างเข้มข้นมากขึ้น

“เรื่องฝ่ายขวา ฝ่ายซ้ายเป็นเรื่องธรรมชาติ ในประเทศหนึ่งสองสมัยอาจจะเลือกซ้าย อีกสองสมัยอาจจะเลือกขวา

ฝ่ายขวาจะมองความเป็นหนึ่งเดียว (Unity) ส่วนฝ่ายซ้ายก็จะมองความหลากหลาย

ก็จะเป็นคนละขั้ว จึงต้องหาวิธีที่จะสื่อสารทางการเมืองมากยิ่งขึ้น …

เรากำลังหาวิธีที่จะทำงานและสื่อสาร โดยเฉพาะเรื่องทรานส์เจนเดอร์เป็นเรื่องที่บางคนยังไม่เห็นด้วย หากพูดขึ้นมาบวกกับกระแสจากข้างนอก ก็อาจจะส่งผลต่อการสื่อสารโดยรวม มันจะยิ่งยากและต้องระมัดระวังมากขึ้น“ 

 

รายละเอียดคำสั่งใหม่ของ โดนัลด์ ทรัมป์

คำสั่งพิเศษของทรัมป์ระบุให้หน่วยงานรัฐบาลทั้งหมดเปลี่ยนการใช้คำว่า "sex" (เพศ) แทนคำว่า "gender" (อัตลักษณ์ทางเพศ) โดยกำหนดให้เพศเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามหลักชีววิทยา โดยการดำเนินการของคำสั่งนี้จะมีผลต่อเอกสารราชการต่าง ๆ เช่น หนังสือเดินทาง และ การออกวีซ่า ซึ่งจะต้องแสดงเพศที่ตรงกับเพศกำเนิดของบุคคลที่ถือเอกสารดังกล่าวเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อการใช้พื้นที่ซึ่งต้องแยกตามเพศ เช่น เรือนจำ ศูนย์พักพิงผู้อพยพ และสถานพักพิงสำหรับเหยื่อความรุนแรงทางเพศ ซึ่งจะให้การยอมรับแค่ 2 เพศ

คำสั่งนี้ยังรวมถึงมาตรการตรวจสอบการใช้เงินภาษีของประชาชน เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการสนับสนุนอุดมการณ์เกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศในหน่วยงานรัฐบาลและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าวจะมีผลในทันที.