ชวนรู้จัก Coffee Meets Bagel แอปตอบโจทย์ Gen Z ที่อยากเจอคนจริงใจ!
ชวนรู้จัก Coffee Meets Bagel (CMB) แอปพลิเคชันหาคู่ตอบโจทย์คน Gen Z และ Millennials ที่อยากเจอคนจริงใจมีไหมแถวนี้!
นับตั้งแต่ปี 2012 Coffee Meets Bagel (CMB) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นแอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์ที่ผู้คนเริ่มรู้จักโดยเฉพาะคนกลุ่ม Gen Z และ Millennials ที่กำลังมองหาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและจริงจังถึงขั้นเป็นคู่ชีวิต
Posttoday จะพาไปสำรวจมูลค่าสุทธิปัจจุบันของแอปพลิเคชัน Coffee Meets Bagel (CMB) ประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ รวมถึงเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จของผู้ก่อตั้ง และที่พลาดไม่ได้คือการปรากฏตัวสุดฮือฮาในรายการ Shark Tank!
ประวัติความเป็นมาของ Coffee Meets Bagel
ดาวอน คัง, อารัม คัง และ ซู คัง สามพี่น้องหญิงชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลี ผู้ให้กำเนิดแอปพลิเคชัน Coffee Meets Bagel เติบโตในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ท่ามกลางบรรยากาศของครอบครัวนักธุรกิจ
โดยมีพ่อดำเนินธุรกิจรีไซเคิลเศษเหล็กกับน้องชาย และแม่คอยดูแลร้านค้าเล็กๆ เพื่อเสริมสร้างฐานะทางการเงินของครอบครัวใหญ่ การได้เห็นความอุตสาหะของพ่อในการสร้างธุรกิจ เผชิญกับอุปสรรคต่างๆ อย่างไม่ย่อท้อ
ได้กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ ดาวอน, อารัม และ ซู คัง เจริญรอยตาม และสร้างสรรค์ธุรกิจที่โดดเด่นเป็นของตนเอง
หลังจากดาวอนและอารัมมีอายุครบ 12 ปีไม่นาน พวกเขาก็เดินทางไปสหรัฐอเมริกากับพี่สาว ซู คัง เพื่อศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำ
โดยซูเรียน MBA ที่ Harvard อารัมเข้า Stanford และดาวอนเลือกเรียนกราฟิกดีไซน์ที่ Parsons โดยพ่อแม่ของพวกเธอยังคงอยู่ที่เกาหลีใต้เพื่อดูแลธุรกิจ
แรงบันดาลใจในการสร้าง Coffee Meets Bagel เกิดจากอารัม ผู้ซึ่งประสบปัญหาจากแอปหาคู่ที่มีอยู่ในขณะนั้น
เธอมองว่าแอปเหล่านั้นเน้นผู้ชายเป็นหลักและสนับสนุนการเดทแบบไม่ผูกมัด เธอจึงปรึกษาแนวคิดนี้กับดาวอนและซู ซึ่งทั้งสองก็เห็นพ้องและต้องการทำให้มันเกิดขึ้นจริง
เพื่อทุ่มเทให้กับ Coffee Meets Bagel อย่างเต็มที่ พี่น้องคังจึงตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการลาออกจากงานที่มั่นคง โดยดาวอนลาออกจากตำแหน่งนักลงทุนที่ JPMorgan และซูลาออกจากงานกราฟิกดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์ดังอย่าง Marc Jacobs และ Sally Hansen
แอปพลิเคชัน Coffee Meets Bagel (CMB) เปิดตัวครั้งแรกในเดือนเมษายน 2012 ที่นิวยอร์ก และต่อมาได้ขยายไปยังบอสตันและซานฟรานซิสโกภายในปีเดียวกัน
นอกจากจะเป็นปีแห่งการเปิดตัวแล้ว ปี 2012 ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อบริษัท เนื่องจากพวกเขาได้รับเงินทุนเริ่มต้นจำนวน 600,000 ดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 21 ล้านบาท) จากนักลงทุนรายแรกอย่าง Lightbank
เอกลักษณ์ที่ทำให้ CMB โดดเด่นและแตกต่าง
ท่ามกลางสมรภูมิแอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์ที่เต็มไปด้วยตัวเลือก Coffee Meets Bagel (CMB) สร้างความโดดเด่นด้วยแนวทางที่แตกต่างอย่างชัดเจน
แทนที่จะปล่อยให้ผู้ใช้งานต้องเผชิญหน้ากับโปรไฟล์นับไม่ถ้วนตลอดวัน CMB นำเสนอประสบการณ์การจับคู่ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดยมอบโอกาสให้ผู้หญิงได้พิจารณาคู่เดทที่เข้ากันได้สูงสุด 6 คน และผู้ชายสูงสุด 21 คนในแต่ละวัน
- เน้นคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ: CMB สวนทางกับแนวคิดการปัดเลือกแบบไม่จำกัด โดยมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอโปรไฟล์ที่มีศักยภาพในการสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริง ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาเลื่อนดูโปรไฟล์ที่ไม่ตรงความต้องการ
- ให้ความสำคัญกับผู้หญิง: ด้วยแรงบันดาลใจจากความเข้าใจในความต้องการของผู้หญิงในการเดท แพลตฟอร์มนี้จึงออกแบบมาให้ผู้หญิงมีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้น โดยสามารถควบคุมได้ว่าจะพูดคุยกับใครและเมื่อไหร่ ผู้หญิงจึงไม่ต้องเสียเวลากับผู้ชายที่ไม่จริงจังหรือไม่ตรงกับความสนใจของพวกเธอ
- การจับคู่ที่อิงตามอัลกอริธึม: CMB ใช้อัลกอริธึมที่พัฒนาขึ้นเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและความชอบของผู้ใช้งานอย่างละเอียด เพื่อนำเสนอคู่แมตช์ที่มีความเข้ากันได้สูง เพิ่มโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมาย
- จำกัดจำนวนคู่แมตช์รายวัน: การจำกัดจำนวนคู่แมตช์ช่วยกระตุ้นให้ผู้ใช้งานพิจารณาแต่ละโปรไฟล์อย่างรอบคอบ แทนที่จะตัดสินใจอย่างรวดเร็วจากการดูรูปภาพเพียงอย่างเดียว
- ชื่อที่สื่อถึงแนวคิด: ชื่อ "Coffee Meets Bagel" สื่อถึงการนัดเดทสบายๆ ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของผู้ก่อตั้งที่ต้องการสร้างแพลตฟอร์มที่ไม่เน้นเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพ
การปรากฏตัวของ Coffee Meets Bagel ใน Shark Tank
เฉกเช่นสตาร์ทอัพน้องใหม่ทั่วไป เส้นทางของ Coffee Meets Bagel ก็ไม่ได้ราบรื่นสวยงามเสมอไป แม้จะเคยได้รับการระดมทุนจำนวนมากจากบริษัท VC ชื่อดังอย่าง Lightbank แต่บริษัทก็ต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนถึงปีละหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเริ่มต้น
ด้วยเหตุนี้ สามพี่น้องผู้ก่อตั้ง ดาวอน, อารัม และซู คัง จึงต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินของแอปพลิเคชัน พวกเธอตัดสินใจเข้าร่วมรายการ Shark Tank ในซีซั่นที่ 6
โดยผู้ก่อตั้งต้องการเงินลงทุน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ แลกกับหุ้น 5% ซึ่งบ่งชี้ถึงมูลค่าบริษัทที่ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ผู้ก่อตั้งได้ปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากมาร์ค คิวบัน โดยเชื่อมั่นในศักยภาพที่ยิ่งใหญ่กว่าของบริษัท หลังจากนั้น Coffee Meets Bagel ได้ระดมทุนในรอบต่างๆ ดังนี้
- เงินทุนเริ่มต้น (Seed Funding): 600,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนกันยายน 2012 นำโดย Lightbank โดยมี Peng T. Ong ผู้ร่วมก่อตั้ง Match.com ร่วมลงทุนด้วย และเงินทุนเริ่มต้นเพิ่มเติมอีก 2.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤษภาคม 2014
- เงินทุนรอบ Series A: 7.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 นำโดย DCM Ventures
- เงินทุนรอบ Series B: 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤษภาคม 2018 นำโดย Atami Capital
รวมเงินทุนทั้งหมดที่ Coffee Meets Bagel ระดมได้อยู่ที่ 23.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการระดมทุนทั้งหมด 4 รอบ
การที่ Coffee Meets Bagel สามารถระดมทุนได้กว่า 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการปรากฏตัวในรายการ Shark Tank บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนในศักยภาพการเติบโตของบริษัท แม้ว่าจะไม่ได้รับการลงทุนจากเหล่า Sharks ก็ตาม
ส่องรายได้ Coffee Meets Bagel
ในปี 2023 คาดการณ์ว่ามูลค่าทรัพย์สินรวมของ Coffee Meets Bagel สูงกว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 5 พันล้านบาท
ข้อมูลจาก Sensor Tower เผยให้เห็นว่าในเดือนพฤศจิกายน 2023 เพียงเดือนเดียว Coffee Meets Bagel สามารถสร้างรายได้ถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 35 ล้านบาท ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือทั้งระบบ Android และ iOS
โดยผู้ใช้งาน iOS มีส่วนแบ่งรายได้ประมาณ 800,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 28 ล้านบาท) ในขณะที่ผู้ใช้งาน Android สร้างรายได้ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 14 ล้านบาท)
เมื่อย้อนกลับไปในปี 2018 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทมีผลประกอบการสูงสุด สามารถสร้างรายได้จากผู้ใช้งาน iOS เพียงอย่างเดียวถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 350 ล้านบาท
ผ่านการซื้อภายในแอปและการสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน ตามการประมาณการของ Sensor Tower’s Store Intelligence