ทายาทรุ่นที่ 3 "โหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง" ปั้นแอปฯมงคลส่งตรงคนรุ่นใหม่
กระแสดูดวง ดูฤกษ์มงคลต่างๆค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน จุดประกายความท้าทายให้กับผู้บริหารรุ่นใหม่ "แซม - กิตติธัช นำพิทักษ์ชัยกุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วรศิลป์กราฟฟิค จำกัด ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง "โหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง" ผู้ผลิตปฏิทินมงคล และ พัฒนาแอปพลิเคชั่นปฏิทินมงคล Num Eiang ผู้ที่ต้นตระกูลสร้างตำราโหราศาสตร์จีนที่มีประวัติความเป็นมาถึง 85 ปี
ซึ่ง "อากง" คือผู้ก่อตั้งสำนักโหราศาสตร์จีนน่ำเอี๊ยง เป็นรุ่นแรกตั้งแต่ปี 1939 หรือ พ.ศ.2482 สมัยนั้นกว่าที่อากงจะทำให้คนเชื่อถือและรู้จักน่ำเอี๊ยงค่อนข้างยากมาก เพราะในยุคนี้มีสื่อโซเชียลต่างๆช่วยจุดกระแสได้มาก
แต่สมัยก่อนกว่าคนจะรู้จักเรา รู้ว่าเราให้บริการดูดวงวางแผนชีวิตให้กับธุรกิจต่างๆ, บริการดูฤกษ์มงคลที่ครอบคลุมตั้งแต่คลอดบุตร, ออกรถ , ขึ้นบ้านใหม่ , แต่งงาน เป็นต้น ยุคนั้นต้องเอาไม้ไปติดตามผนังต่างๆเพื่อทำให้คนรู้จัก โชคดีตรงที่เราอยู่ใกล้สถานีรถไฟ และอยู่ในย่านคนจีนจึงมีการบอกต่อๆกันไป
จากนั้นเป็นยุคของคุณพ่อของผม ประมาณ 50 ปีก่อน คุณพ่อต้องขับรถไปตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อนำ "ปฏิทินจีน" ไปประกาศออกไมค์เพื่อทำให้คนรู้จักปฏิทินจีนมงคล และรู้จักแบรนด์มากขึ้น
แต่คนยังไม่รู้ว่าแท้จริงนั้น บ้านของเราเป็น "สำนักโหราศาสตร์" มีบริการดูฤกษ์มงคลต่างๆ ฤกษ์ออกรถ คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ คนยังไม่รู้จักในมุมนี้ เพราะยุคของคุณพ่อนั้น ปฏิทินจีนถือว่าติดตลาดมากกว่า
นี่คือโจทย์สำคัญที่เราต้องทำให้เกิดความเข้าใจที่มากขึ้น ทั้ง บริการที่เรามีตั้งแต่รุ่นอากงบนหลักการของศาสตร์จีนที่แท้จริง และสานต่อปฏิทินจีนให้ขยายในวงกว้าง ผมจึงพัฒนาโมบายแอปพลิเคชั่น หวังเพียงว่าจะสามารถเป็นแสงสว่างและพัฒนาชีวิต เป็นเข็มทิศให้กับชีวิตแต่ละคน ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่เพื่อการเข้าถึงได้มากขึ้น และให้คนได้ทราบถึงความพิเศษของโหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง"
ด้วยปณิธานอันแรงกล้าของอากง ฉายชัดในชื่อ "น่ำเอี๊ยง" โดยคำว่า "น่ำ" หรือ หนาน (ภาษาจีนกลาง) หมายถึง ทิศใต้ ส่วนคำว่า "เอี๊ยง" คือ หยาง หมายถึงแสงพระอาทิตย์ เมื่อนำมารวมกัน "น่ำเอี๊ยง" จึงแปลว่า แสงสว่างจากทางทิศใต้ ด้วยความเชื่อของชาวจีนเชื่อว่าทิศใต้เป็นทิศแห่งความมงคล
ดังนั้น "สำนักโหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง" จึงสร้างแสงสว่างให้กับผู้คน เป็นที่พึ่งพาชีวิตสู่ความมงคล เป็นเข็มทิศให้กับผู้คน ช่วยให้ชีวิตเขามีแต่ความราบรื่น มีแต่ความสุข
แม้ในยุคนี้กระแส "มูเตลู" จะมีศาสตร์ที่หลากหลาย การแข่งขันสูงในทุกรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่ "คุณแซม" เชื่อมากว่าไม่ด้อยไปกว่าใคร เพราะว่า "โหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง" มีความน่าเชื่อถือและมีบทพิสูจน์จากการดูดวง ดูฤกษ์มงคลต่างๆมาค่อนข้างเยอะ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้น่ำเอี๊ยงผ่านบทพิสูจน์จากผู้คนมาอย่างยาวนานและแข็งแกร่ง
"เรื่องของโหราศาสตร์ ถือเป็นศาสตร์ที่เราต้องเข้าใจในหลักการ ต้องตรวจเช็คข้อมูลเพื่อให้ถูกต้องตามหลักโหราศาสตร์จีนให้มากที่สุด เราไม่ได้ทำเพื่อเกาะกระแสเท่านั้น แต่เราต้องทำอะไรที่ยั่งยืน แม้สิ่งที่ทำอาจไม่หวือหวามาก หรือดึงดูดความสนใจในทันที แต่เรามองไปในอนาคตอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าที่สามารถตอบโจทย์ชีวิตของผู้คนได้จริงๆ เราอยากทำให้โหราศาสตร์ไม่ใช่เป็นเรื่องที่งมงาย แต่ยืนยันตามหลักโหราศาสตร์จีนที่เราสืบต่อกันมา ซึ่งปี 2567 นี้เข้าสู่ปีที่ 85"
การรับช่วงต่อธุรกิจที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ ผมไม่ได้รู้สึกกดดัน กลับสนุกและคิดว่าท้าทายมาก ผมไปเรียนที่ประเทศจีน 7 ปีและกลับมาช่วยงานที่บ้านเมื่อ 5 ปีก่อน เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เราเห็นกระแสใหม่ๆของสื่อโซเชียลต่างๆมาแรง จึงได้พัฒนาโมบายแอปพลิเคชั่น ชื่อว่า "น่ำเอี๊ยง หรือ Num Eiang" เพื่อนำองค์ความรู้โหราศาสตร์จีนของตระกูลนำมาย่อยและคำนวณตามหลักการที่ถูกต้องให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ในวงกว้าง
โดยจะให้คำแนะนำที่เป็นข้อมูลเฉพาะรายบุคคลนั้นๆ เพื่อให้ผู้ใช้บริการมั่นใจในการใช้ชีวิตจริงๆ แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล เพราะเราให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก ไม่มีทางรั่วไหลออกมาได้แน่นอน
หลังจากเปิดตัวแอปพลิเคชั่นครบ 1 ปี กระแสตอบรับถือว่าดีมาก ล่าสุดมีผู้ใช้บริการกว่า 200,000 ราย ยอดใช้บริการรายวันกว่า 10,000 ราย จากนี้จะมีการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆออกมาอีกค่อนข้างเยอะเพื่อรองรับความต้องการที่เราทำตามคำเรียกร้องจากผู้ใช้จริงที่สามารถเขียนบอกเราในแอปฯได้ว่าต้องการอะไร ดังนั้นเชื่อว่าในปีนี้จะมีผู้ใช้แอปฯแตะระดับ 1 ล้านรายได้
"ถามว่าประสบความสำเร็จหรือยัง ผมมองว่ายัง แต่คิดว่าพอจะมีแสงสว่างอยู่ปลายทาง แอปฯที่เรามุ่งมั่นตั้งใจทำยังต้องพัฒนาต่อเนื่อง ยิ่งมีจำนวนผู้ใช้แอปฯมากขึ้น ความต้องการของผู้ใช้จะเริ่มแตกต่าง เริ่มต้องการอะไรใหม่ๆเพิ่มขึ้น ผมคิดว่าอาจจะใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งถึงจะใช้คำว่าประสบความสำเร็จ แต่ไม่ยากเกินไปครับ"
พูดตามตรงว่าด้วยความต่างของช่วงวัย(Generation)ทำให้มีมุมมองที่แตกต่างกันบ้าง ผมอายุ 23 ปี ในเรื่องงานคุณพ่อ คุณแม่จะพูดคุยว่าในมุมมองของท่านเป็นอย่างไร และผมมองอย่างไร เราจะแชร์ข้อมูลแชร์มุมมองกันเสมอ
เราสามารถอธิบายให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ครอบครัวไม่หยุดที่จะเรียนรู้ซึ่งกันและกัน พอเราทำให้ท่านเห็นว่าสิ่งที่ทำช่วยให้บริษัทโตมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น สามารถช่วยผู้คนได้มากขึ้น งานจะพิสูจน์ทุกอย่าง
ส่วนช่วงที่เกิด "วิกฤติโควิด-19" ที่ไม่มีใครทราบสถานการณ์ที่แน่นอน สินค้าของเราคือปฏิทินจีนที่คนนำไปแจกกับคน ตอนนั้นลูกค้ามากกว่า 500 บริษัทมาจ้างผลิตปฏิทิน เราต้องบริหารจัดการอย่างมาก ทุกอย่างต้องคิดเร็ว ทำเร็ว เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่คาดเดาได้ยาก ต้องบริหารจัดการให้ดี เพราะระยะเวลาในการผลิตสินค้าแต่ละอย่างใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ก็ผ่านช่วงวิกฤติมาได้ด้วยดี
และนับตั้งแต่ก้าวแรกจนถึงวันนี้ทำได้ดีแล้ว ผ่านมา 5 ปี มีสิ่งเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ถ้าไม่ตะกุยตะกายดิ้นรนอะไร เราก็คงไม่มีโมบายแอปพลิเคชั่นมาถึงในจุดนี้ได้ นี่เป็น "ตลาดใหม่ของน่ำเอี๊ยง" ที่เราตั้งใจทำ และศึกษาอย่างมาก กว่าจะได้ออกมาเป็นสิ่งที่ทุกคนใช้ในวันนี้ มันใช้ระยะเวลา ดังนั้น "อยากบอกตัวเองอีกครั้งว่าพยายามดีแล้ว หนักเหนื่อยหน่อย แต่ไม่เป็นไร"
เคล็ดลับทำธุรกิจแบบคนรุ่นใหม่ คุณแซมให้ความสำคัญใน 4 ข้อดังนี้ อย่างแรก คือ ต้องเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจให้ดี ต้องวางแผนและมองไปไกลๆว่าสิ่งที่เราจะทำเพื่ออะไร ทำมาแล้วตอบโจทย์กับใครบ้าง หลายๆคนอาจจะมีแวลู่ที่แตกต่างกันไป แต่อยากให้กลับมามองว่าสิ่งที่เราตั้งใจทำและใช้เวลามุ่งมั่นเป็นปี หรือ 2 - 3 ปี มันจะช่วยอะไรผู้คนได้บ้าง ธุรกิจจะตอบโจทย์ตรงไหนบ้าง นี่คือสิ่งที่ต้องใช้เวลาคิดนานมากที่สุด
อย่างที่ 2 คือ วางแผน(Planning) ไทม์ไลน์ของเราควรชัดเจนว่า ทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะอย่าลืมว่าเราลงแรงไปแล้ว เราก็ควรจะจำกัดเวลา เพราะเวลาของทุกคนมีเท่ากัน ดังนั้นการวางแผนสำคัญมากๆ
อย่างที่ 3 คือ ต้องศึกษาเรื่อง "การเงิน" เพราะเวลาเราเริ่มมาทำธุรกิจจริงๆ การบริหารจัดการเงินสำคัญมาก ต้องเข้าใจในหลักการก่อนว่าเราจะลงทุน และจะเริ่มมีรายได้เข้ามาเมื่อไหร่ ต้องบริหารจัดการอย่างไร ถือว่าสำคัญมากอีกเช่นกัน
และ สุดท้าย คือ โมเดลที่จะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างยั่งยืน ตรงนี้สำคัญ โมเดลจะทำให้เกิดอะไรบ้าง เกิดรายได้อย่างไรจากช่องทางไหนบ้าง
อย่างเราเองที่ทำโมบายแอปพลิเคชั่นถือเป็นเรื่องที่ยากเหมือนกัน แต่ด้วยความที่ผมและทีมงานไม่หยุดที่จะเรียนรู้ และพร้อมปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ตอบรับตามความต้องการของผู้ใช้บริการจริงๆ
ตอบโจทย์ และช่วยเหลือเขาได้จริงจึงได้รับการตอบรับที่ดี จากนี้ยังต้องพัฒนาแอปฯและต่อยอดฟีเจอร์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
ผมว่าไม่ว่าเราจะทำอะไร ถ้าเป้าหมายชัดเจน ระหว่างทางก็จะชัดเจน ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้ในแนวทางของตัวเอง"