อว.มั่นใจ ไทยขึ้นแท่นฟิวเจอร์ฟู้ดในภูมิภาค ยก “ไข่ผำ” บุกตลาดส่งออกแสนล.
“ศุภมาส” มั่นใจไทยพร้อมเป็น “ศูนย์กลางฟิวเจอร์ฟู้ดของภูมิภาค” ยกระดับอุตสาหกรรมด้วยโมเดล BCG บุกตลาดส่งออก 1.3 แสนล้านบาท ชูผลิตภัณฑ์ ไข่ผำ “วูล์ฟเฟีย” ต้นแบบสตาร์ทอัพไทยด้านอาหาร เพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยนวัตกรรมสู่เวทีโลก
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า กระทรวง อว. มุ่งส่งเสริมการใช้องค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ในการยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างสู่เศรษฐกิจฐานคุณค่าด้วยโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green (BCG)
โดยได้จัดทำแผนการดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมของประเทศ ปี พ.ศ. 2566 - 2570 และกำหนดให้การยกระดับการผลิตและการส่งออกสินค้าเกษตร อาหาร ผลไม้ไทยคุณค่าสูง และอาหารแห่งอนาคตด้วยการใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของประเทศ รวมทั้งได้วางแผนจัดสรรเงินทุนผ่านหน่วยงานบริหารจัดการทุน หรือ PMU ที่เกี่ยวข้อง 3 หน่วย ได้แก่
หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) เพื่อขับเคลื่อนแผนงานดังกล่าวให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่วางไว้ ภายใต้กรอบแนวคิดการผลักดันงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ จาก ‘หิ้ง’ สู่ ‘ห้าง’
จากนิยาม “อาหารแห่งอนาคต (future food)” ของสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ประกอบด้วย 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) อาหารฟังก์ชั่นและสารประกอบเชิงฟังก์ชั่น 2) อาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคล 3) อาหารออร์แกนิค และ 4) โปรตีนทางเลือก โดยประเทศไทยส่งออกอาหารแห่งอนาคตปีละกว่า 130,000 ล้านบาท คาดการณ์อัตราเติบโตเฉลี่ย 8 % ต่อปี
ดังนั้น หากมีตัวเร่งอย่างเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยเสริม อาจจะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งกลุ่มที่ได้รับความสนใจและมีศักยภาพสูง ได้แก่ อาหารฟังก์ชั่นและสารประกอบเชิงฟังก์ชั่น และโปรตีนทางเลือก ซึ่งมีมูลค่าการส่งออก 110,000 ล้านบาท และ 22,000 ล้านบาท
นวัตกรรมการเพาะเลี้ยงและผลิตภัณฑ์วูล์ฟเฟีย โดย บริษัทแอดวานซ์ กรีนฟาร์ม จำกัด หนึ่งในสตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีอาหารสัญชาติไทยที่ได้รับการสนับสนุนจาก NIA นับเป็นตัวอย่างที่ดีในการนำพาผลิตภัณฑ์ไข่ผำที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอันจะเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการยกระดับประเทศไทยสู่ “ศูนย์กลางด้านอาหารแห่งอนาคตของภูมิภาค” ได้
ด้านนางสาวกริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการ NIA กล่าวว่า NIA เห็นถึงศักยภาพของการพัฒนา “ผำ” หรือ “ไข่น้ำ” หรือ “ไข่ผำ” ซึ่งเป็นพืชมีดอกตระกูลแหนที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก และมีความเป็น super food และ future food อยู่ในตัว เพราะนอกจากจะมีโปรตีนสูงถึงร้อยละ 25 - 40 ของน้ำหนักแห้ง (เทียบเท่าถั่วเหลือง) แล้ว ยังอุดมด้วยวิตามิน เช่น วิตามินบี 12 ซึ่งไม่พบในพืชอื่นโดยทั่วไป และเกลือแร่ เช่น ธาตุเหล็ก และแคลเซียม
นอกจากนี้ ยังไม่มีกลิ่นและรสจึงสามารถนำไปผสมเข้ากับอาหารได้หลากหลายชนิด เป็นการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับอาหารจานโปรดของทุกคนได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้ ผำยังเป็นพืชโตเร็ว จึงเหมาะสำหรับพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีการผลิตแบบอุตสาหกรรมเพื่อป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต โดย NIA ได้ให้การส่งเสริมและสนับสนุนทั้งการบ่มเพาะและให้องค์ความรู้ในการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมร่วมกับเครือข่ายจากสถาบันการศึกษาและภาคเอกชนชั้นนำผ่าน โครงการ SPACE-F Global FoodTech Incubator and Accelerator” รวมถึงสนับสนุนเงินทุนในโครงการนวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation) เพื่อพัฒนาต้นแบบ “ระบบล้างทำความสะอาดผักผำแบบต่อเนื่องกึ่งอัตโนมัติเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร” เครื่องแรกของโลก ซึ่งช่วยให้กระบวนการล้างทำความสะอาดผำมีประสิทธิภาพสูง มีความสม่ำเสมอ รวมทั้งช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผำไทยในเวทีโลกต่อไป