กลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพร ยก กระชายดำ สมุนไพรไทยตัวท็อปโอกาสบุกตลาดโลก

นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ  ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพร ในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การทำให้สมุนไพรไทยติดอันดับและมีมูลค่าการส่งออกสมุนไพรอันดับโลกหรือ มีส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3 ของเอเชียภายใน 5 ปี สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ การนำจุดเด่นของสมุนไพรไทยที่มีเฉพาะประเทศไทยสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร และ ผลักดันให้เป็นยาแผนปัจจุบัน เหมือนจีน ที่มีสมุนไพรขึ้นชื่อ เมื่อพูดถึงยาสมุนไพร ตลาดมักนึกถึงจีนก่อนเป็นอันดับแรก

สำหรับสมุนไพรที่เป็นที่นิยมและสามารถปลูกได้ที่ประเทศไทย ได้แก่ กระชายดำ กระท่อม และกราวเครือ แม้ว่ากราวเครือจะถูกญี่ปุ่น นำไปเป็นสมุนไพรขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ไปแล้ว แต่จุดเริ่มต้นก็มาจากประเทศไทย 

สมุนไพรบางตัวที่เราคิดว่าเป็นของคนไทย แต่เมื่อดูยอดการส่งออกกลับเป็นของต่างประเทศ เช่น ขมิ้นชัน อินเดีย เป็นเจ้าตลาด ฟ้าทะลายโจร จีนเป็นเจ้าตลาด แต่เราพบว่า กระชายดำ ยังเป็นสมุนไพรที่มีเฉพาะในประเทศไทยอยู่ เราจึงรีบคว้าโอกาสในการเป็นเจ้าตลาด

สิ่งสำคัญคือ หน่วยงานรัฐ ต้องสนับสนุนผลงานวิจัยทางวิชาการที่น่าเชื่อถือ ให้กลุ่มผู้ผลิต โดยเฉพาะ SME นำไปใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้ตลาดเกิดได้เร็วขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทใหญ่ไม่ค่อยมีใครกล้าลงทุนทำผลงานวิจัยเพราะราคาสูง เมื่อได้ผลวิจัยมาแล้ว กลับถูกบริษัทอื่นๆที่ไม่ได้ลงทุนนำผลงานไปอ้างอิงต่อ 
นอกจากนี้หน่วยงานรัฐโดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องมีมาตรการผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนให้ยาสมุนไพรก้าวสู่มาตรฐานยาแผนปัจจุบัน เพื่อบุกไปยังตลาดโลก

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เอง ก็ต้องสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมสมุนไพรไปออกงานแสดงสินค้าที่ต่างประเทศในราคาไม่แพง ซึ่งจะทำให้กลุ่มผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SME ไม่ได้มีแค่ตลาดนักท่องเที่ยว ส่วนในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญก็ควรมีการจัดเป็นบูธพิเศษเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และอาจเกิดการซื้อล็อตใหญ่เพื่อนำไปขายต่างประเทศมากขึ้น